
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนมิ.ย.68 ว่า เท่ากับ 100.42 เมื่อเทียบกับ 100.67 ของเดือนมิ.ย.67 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.25% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 นับจากเดือนเม.ย.ที่ลดลง 0.22% และเดือนพ.ค.ที่ลดลง 0.57% สาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง และค่ากระแสไฟฟ้า ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการโดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด ลดลงมาก แต่ยังมีสินค้าอาหารบางรายการที่มีราคาสูงขึ้น อาทิ เนื้อสุกร และอาหารสำเร็จรูป ขณะที่ช่วง 6 เดือน เพิ่ม 0.37%
“เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องกัน 3 เดือน ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะลดลงจากราคาพลังงาน และราคาอาหารสดเป็นสำคัญ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3 คาดจะใกล้เคียงไตรมาส 2 ที่ลดลง 0.35% เพราะราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปี 67 จากสถานการณ์ตะวันออกกลางผ่อนคลายลง หลังจากทำข้อตกลงหยุดยิง, ภาครัฐช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง, ราคาผักสดปีนี้ลดลงจากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ฯลฯ โดยยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ที่ 0.0-1.0% ค่ากลางที่ 0.5%”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ราคาพลังงาน และราคาผักสดลดลงมาก แต่รายจ่ายครัวเรือนเดือนมิ.ย.68 กลับสูงถึง 21,043 บาท เพราะมีราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าเช่าบ้าน ค่าแพทย์ ค่ายา ส่งผลให้สินค้าและบริการที่ต้องจ่ายมากที่สุด คือ หมวดค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม 5,164 บาท, ค่าโดยสารสาธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ 4,666 บาท, ค่าแพทย์ ยา 1,336 บาท, อาหารสำเร็จรูป 3,509 บาท เป็นต้น