ถอดรหัส เวทีการเงินโลก IMF-WBG Annual Meetings 2026 ไทยได้ประโยชน์อะไรบ้าง? จากการเป็นเจ้าภาพ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ถอดรหัส เวทีการเงินโลก IMF-WBG Annual Meetings 2026 ไทยได้ประโยชน์อะไรบ้าง? จากการเป็นเจ้าภาพ

Date Time: 2 ก.ค. 2568 10:37 น.

Video

อธิบายทีเดียวว่า ทำไมฟองสบู่ AI จะไม่แตกซ้ำรอยดอทคอม? | Digital Frontiers EP.51

Summary

คนไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ? ถอดรหัส ประเทศไทย กับ บทบาท เจ้าภาพจัดงาน IMF-WBG Annual Meetings 2026 เวทีการเงินระดับโลกในรอบ 35 ปี โอกาสใหม่ เศรษฐกิจ การลงทุน และภาพลักษณ์ประเทศ

Latest


จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อประเทศไทยกำลังจะได้เป็นเจ้าภาพเวทีระดับโลก การประชุมสำคัญ ที่จะกำหนด “เกมเศรษฐกิจ”ของโลกทั้งใบ ในปี 2569 ที่กำลังจะมาถึงนี้ 

เรากำลังกล่าวถึง การประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group - WBG) หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ IMF-WBG Annual Meetings 2026

โดย “ประเทศไทย” ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 18 ตุลาคม ปี 2569 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองในรอบ 35 ปีที่ไทยเราได้รับความไว้วางใจให้เป็นศูนย์กลางของการหารือทางเศรษฐกิจและการเงินระดับโลก หลังจากเคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วในปี 2534 (หมุนเวียนจัดที่ประเทศสมาชิกทุก 3 ปี) 

การกลับมาครั้งนี้ ทำให้สายตาของประชาคมโลกจะจับจ้องมายังประเทศไทยอีกครั้ง และไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ นับเป็นการตอกย้ำศักยภาพ ความพร้อม และบทบาทสำคัญของประเทศไทยบนเวทีโลก

ทำไม? การประชุม IMF-WBG นี้จึงมีความสำคัญ 

สำหรับ IMF-WBG Annual Meetings เป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำด้านเศรษฐกิจ การเงิน และการพัฒนาจากกว่า 191 ประเทศทั่วโลก ผู้เข้าร่วมกว่า 18,000 คน 

-ผู้ว่าการและรัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิก

-เจ้าหน้าที่ IMF และ World Bank 

-ตัวแทนเอกชน

-สื่อมวลชน

-ภาคประชาสังคม (NGOs ,CSOs)

จะมารวมตัวกันเพื่อหารือประเด็นสำคัญและเร่งด่วนของเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเงิน ไปจนถึงการลดความยากจนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ตามภารกิจหลักของ IMF ในการส่งเสริมเสถียรภาพทางการเงินของโลก สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ 

ขณะธนาคารโลก มีจุดประสงค์หลัก ในการลดความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยให้การสนับสนุนทางการเงิน โครงการพัฒนา และแบ่งปันองค์ความรู้ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน หรือสิ่งแวดล้อม 

การประชุมประจำปีของทั้งสององค์กรนี้ จึงมีความหมายต่อการกำหนิดทิศทางนโยบาย การคลัง การเงิน การเศรษฐกิจ ที่มีนัยสำคัญยิ่ง รวมไปถึง การแลกเปลี่ยนแนวทางการรับมือ ความเสี่ยงเศรษฐกิจ จากภัยคุกคามรอบด้าน 

คนไทยได้อะไร จากงาน  IMF-WBG Annual Meetings 2026 

คำถามคือ แล้วทำไมประเทศไทย ถึงได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ IMF-WBG Annual Meetings 2026 

ประเมินจากความพร้อมของประเทศ 3 ด้าน ดังนี้ 

ศักยภาพทางเศรษฐกิจและการเงิน: ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความมั่นคงทางการเงินและนโยบายที่เปิดกว้างต่อการลงทุน


ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน: ระบบการเดินทางคมนาคมที่ทันสมัย โรงแรมที่พักระดับมาตรฐาน และที่สำคัญคือ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประชุมที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสำคัญอย่าง APEC 2022 มาแล้ว

  • ประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ: การเคยเป็นเจ้าภาพในปี 2534 แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และความสามารถในการจัดการประชุมระดับนานาชาติขนาดใหญ่ได้อย่างราบรื่น นี่เอง งาน IMF-WBG Annual Meetings ที่จะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงปีหน้า จึงนับเป็นโอกาสทอง ที่คนไทยทุกภาคส่วนจะได้รับผลเชิงบวก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 
  • ยกระดับภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น: การเป็นเจ้าภาพงานระดับโลกเช่นนี้ เป็นการแสดงศักยภาพของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการพัฒนา ตอกย้ำความพร้อมและความสามารถในการเป็นศูนย์กลางการประชุมและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค
  • กระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น: คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 15,000 - 18,000 คน จาก 191 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะก่อให้เกิดการใช้จ่ายทั้งในภาคการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง และธุรกิจบริการอื่น ๆ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
  • ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและสร้างความร่วมมือ: เวทีนี้เปิดโอกาสให้ประเทศไทยได้พบปะกับนักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย และผู้บริหารระดับสูงจากทั่วโลก นำไปสู่การเจรจาทางการค้า การลงทุน และการสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว
  • เผยแพร่ Soft Power ไทยสู่สายตาโลก: นี่คือโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้นำเสนอเอกลักษณ์และความงดงามของวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการแสดง อาหารไทยขึ้นชื่ออย่างแกงมัสมั่น (ที่ CNN Travel ยกให้เป็นอันดับ 1 ของโลก) ผ้าไทยอันวิจิตร และศิลปวัฒนธรรมไทยซึ่งจะเป็นการนำเสนอ Soft Power ที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนไทยมากขึ้นในอนาคต

“เมื่อไทยได้จัดประชุมใหญ่ระดับโลกแบบนี้ ก็เหมือนการประกาศให้โลกรู้ว่า ประเทศเราไว้ใจได้ น่าเชื่อถือทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการจัดการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อชื่อเสียงประเทศและทำให้นักลงทุนกล้าตัดสินใจนำเงินเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันไม่ได้แค่ประชุมแล้วแยกย้าย แต่ยังเปิดโอกาสให้ไทย เจรจา กับผู้นำแขนงต่างๆ จากหลายประเทศทั้งเรื่องการค้าการลงทุน การพัฒนาโครงการใหญ่เป็นเหมือนการสร้างคอนเนกชันใหม่ ๆ ที่อาจทำให้ เงินทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ไหลเข้ามาในประเทศ”

ถอดรหัสจากเหรียญพดด้วงสู่เวทีการเงินโลก 

สำหรับ สัญญะแห่งความเป็นไทยบนเวทีโลก ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ถูกออกแบบโดยคนไทย ผ่านการนำลวดลายไทยอันเป็นเอกลักษณ์ที่ปรากฏบน เหรียญพดด้วง มาลดทอนรายละเอียดให้มีความทันสมัยและจดจำง่าย

โลโก้นี้ผสมผสานสัญลักษณ์สำคัญอย่าง ลายประจำยาม ซึ่งเป็นลวดลายมงคลที่พบในงานศิลปะไทย สื่อถึงการปกป้องคุ้มครองและความงดงามทางวัฒนธรรม ลายพระแสงจักร อันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและความมั่นคง เชื่อมโยงกับตราประจำแผ่นดินไทยและเหรียญโบราณ สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะเจ้าภาพระดับโลก และการออกแบบตัวอักษร "THAILAND" ที่นำ ICON ลายไทยมาตกแต่งตัวอักษร "I" อย่างมีเอกลักษณ์


แสดงถึงความทันสมัยและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย พร้อมสื่อถึงการเปิดรับความร่วมมือระดับนานาชาติ การออกแบบที่ผสานความดั้งเดิมเข้ากับความร่วมสมัยนี้ เป็นการประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งของไทย ควบคู่ไปกับการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

ขณะในงานกราฟฟิก ยังมีการใช้สีสันจากเงินตราที่สะท้อนบทบาทสำคัญของประเทศ ได้แรงบันดาลใจโดยตรงจากสีของธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ไทย เพื่อให้เกิดความหลากหลายและสื่อความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สีเขียว จากธนบัตรชนิดราคา 20 บาท สีฟ้าและสีน้ำเงิน จากธนบัตรชนิดราคา 50 บาท สีชมพูม่วง จากธนบัตรชนิดราคา 100 บาท และ 500 บาท สีส้มเหลือง จากธนบัตรชนิดราคา 1000 บาท และสุดท้ายคือ สีขาวเงิน จากเหรียญกษาปณ์ไทย

โดยการเลือกใช้ชุดสีนี้ยังเป็นการสื่อถึงความรับผิดชอบอันสำคัญของทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลเศรษฐกิจการเงินของประเทศ และทั้งสององค์กรยังเป็นเจ้าภาพหลักในการประชุม Annual Meetings ในปี 2569 ที่ประเทศไทยอีกด้วย 

ตอกย้ำ บทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลกเพื่อการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การลงทุน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการเผยแพร่วัฒนธรรมอันงดงามของไทย ไปสู่สายตาโลกน่าอย่างสนใจ 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ