
จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อประเทศไทยกำลังจะได้เป็นเจ้าภาพเวทีระดับโลก การประชุมสำคัญ ที่จะกำหนด “เกมเศรษฐกิจ”ของโลกทั้งใบ ในปี 2569 ที่กำลังจะมาถึงนี้
เรากำลังกล่าวถึง การประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group - WBG) หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ IMF-WBG Annual Meetings 2026
โดย “ประเทศไทย” ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 18 ตุลาคม ปี 2569 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองในรอบ 35 ปีที่ไทยเราได้รับความไว้วางใจให้เป็นศูนย์กลางของการหารือทางเศรษฐกิจและการเงินระดับโลก หลังจากเคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วในปี 2534 (หมุนเวียนจัดที่ประเทศสมาชิกทุก 3 ปี)
การกลับมาครั้งนี้ ทำให้สายตาของประชาคมโลกจะจับจ้องมายังประเทศไทยอีกครั้ง และไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ นับเป็นการตอกย้ำศักยภาพ ความพร้อม และบทบาทสำคัญของประเทศไทยบนเวทีโลก
สำหรับ IMF-WBG Annual Meetings เป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำด้านเศรษฐกิจ การเงิน และการพัฒนาจากกว่า 191 ประเทศทั่วโลก ผู้เข้าร่วมกว่า 18,000 คน
-ผู้ว่าการและรัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิก
-เจ้าหน้าที่ IMF และ World Bank
-ตัวแทนเอกชน
-สื่อมวลชน
-ภาคประชาสังคม (NGOs ,CSOs)
จะมารวมตัวกันเพื่อหารือประเด็นสำคัญและเร่งด่วนของเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเงิน ไปจนถึงการลดความยากจนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ตามภารกิจหลักของ IMF ในการส่งเสริมเสถียรภาพทางการเงินของโลก สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ
ขณะธนาคารโลก มีจุดประสงค์หลัก ในการลดความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยให้การสนับสนุนทางการเงิน โครงการพัฒนา และแบ่งปันองค์ความรู้ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน หรือสิ่งแวดล้อม
การประชุมประจำปีของทั้งสององค์กรนี้ จึงมีความหมายต่อการกำหนิดทิศทางนโยบาย การคลัง การเงิน การเศรษฐกิจ ที่มีนัยสำคัญยิ่ง รวมไปถึง การแลกเปลี่ยนแนวทางการรับมือ ความเสี่ยงเศรษฐกิจ จากภัยคุกคามรอบด้าน
คำถามคือ แล้วทำไมประเทศไทย ถึงได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ IMF-WBG Annual Meetings 2026
ประเมินจากความพร้อมของประเทศ 3 ด้าน ดังนี้
ศักยภาพทางเศรษฐกิจและการเงิน: ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความมั่นคงทางการเงินและนโยบายที่เปิดกว้างต่อการลงทุน
ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน: ระบบการเดินทางคมนาคมที่ทันสมัย โรงแรมที่พักระดับมาตรฐาน และที่สำคัญคือ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประชุมที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสำคัญอย่าง APEC 2022 มาแล้ว
“เมื่อไทยได้จัดประชุมใหญ่ระดับโลกแบบนี้ ก็เหมือนการประกาศให้โลกรู้ว่า ประเทศเราไว้ใจได้ น่าเชื่อถือทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการจัดการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อชื่อเสียงประเทศและทำให้นักลงทุนกล้าตัดสินใจนำเงินเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันไม่ได้แค่ประชุมแล้วแยกย้าย แต่ยังเปิดโอกาสให้ไทย เจรจา กับผู้นำแขนงต่างๆ จากหลายประเทศทั้งเรื่องการค้าการลงทุน การพัฒนาโครงการใหญ่เป็นเหมือนการสร้างคอนเนกชันใหม่ ๆ ที่อาจทำให้ เงินทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ไหลเข้ามาในประเทศ”
สำหรับ สัญญะแห่งความเป็นไทยบนเวทีโลก ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ถูกออกแบบโดยคนไทย ผ่านการนำลวดลายไทยอันเป็นเอกลักษณ์ที่ปรากฏบน เหรียญพดด้วง มาลดทอนรายละเอียดให้มีความทันสมัยและจดจำง่าย
โลโก้นี้ผสมผสานสัญลักษณ์สำคัญอย่าง ลายประจำยาม ซึ่งเป็นลวดลายมงคลที่พบในงานศิลปะไทย สื่อถึงการปกป้องคุ้มครองและความงดงามทางวัฒนธรรม ลายพระแสงจักร อันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและความมั่นคง เชื่อมโยงกับตราประจำแผ่นดินไทยและเหรียญโบราณ สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะเจ้าภาพระดับโลก และการออกแบบตัวอักษร "THAILAND" ที่นำ ICON ลายไทยมาตกแต่งตัวอักษร "I" อย่างมีเอกลักษณ์
แสดงถึงความทันสมัยและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย พร้อมสื่อถึงการเปิดรับความร่วมมือระดับนานาชาติ การออกแบบที่ผสานความดั้งเดิมเข้ากับความร่วมสมัยนี้ เป็นการประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งของไทย ควบคู่ไปกับการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ขณะในงานกราฟฟิก ยังมีการใช้สีสันจากเงินตราที่สะท้อนบทบาทสำคัญของประเทศ ได้แรงบันดาลใจโดยตรงจากสีของธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ไทย เพื่อให้เกิดความหลากหลายและสื่อความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สีเขียว จากธนบัตรชนิดราคา 20 บาท สีฟ้าและสีน้ำเงิน จากธนบัตรชนิดราคา 50 บาท สีชมพูม่วง จากธนบัตรชนิดราคา 100 บาท และ 500 บาท สีส้มเหลือง จากธนบัตรชนิดราคา 1000 บาท และสุดท้ายคือ สีขาวเงิน จากเหรียญกษาปณ์ไทย
โดยการเลือกใช้ชุดสีนี้ยังเป็นการสื่อถึงความรับผิดชอบอันสำคัญของทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลเศรษฐกิจการเงินของประเทศ และทั้งสององค์กรยังเป็นเจ้าภาพหลักในการประชุม Annual Meetings ในปี 2569 ที่ประเทศไทยอีกด้วย
ตอกย้ำ บทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลกเพื่อการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การลงทุน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการเผยแพร่วัฒนธรรมอันงดงามของไทย ไปสู่สายตาโลกน่าอย่างสนใจ
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney