
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการดำเนินงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการยานยนต์แห่งชาติ (บอร์ดอีวี) พิจารณาในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินอุดหนุน หากไม่ทำตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะไม่ได้รับเงินชดเชย ถือว่าผิดเงื่อนไข เนื่องจากการอุดหนุนเงินชดเชยนั้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
สำหรับการจ่ายเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า ตามมาตรการรัฐนั้น ขณะนี้ได้จ่ายเงินไปแล้วทั้งสิ้น 11,269.77 ล้านบาท แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 369.61 ล้านบาท หรือ 20,534 คัน รถยนต์ไฟฟ้า 10,900.16 ล้านบาท หรือ 73,240 คัน ขณะที่มีค่ายรถยนต์มาขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิตรวม 30 ราย
น.ส. กุลยา กล่าวว่า สำหรับประเด็นปัญหาของรถยนต์ไฟฟ้า ค่ายเนต้านั้น กรมสรรพสามิตไม่ได้นิ่งนอนใจ ติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบริษัทเนต้า ประเทศไทย ยังคงดำเนินกิจการและรับเงินชดเชยจากกรมสรรพสามิต ถึงแม้บริษัท เจ้อเจียง โฮซอน นิว เอ็นเนอร์ยี ออโตโมบิล ซึ่งเป็นบริษัทแม่เจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเนต้า ในประเทศจีน ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการ โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า การดำเนินมาตรการทางภาษี กรมสรรพสามิตได้ดูแลเรื่องให้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อให้การใช้เม็ดเงินภาษีเป็นไปอย่างคุ้มค่าที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนต้า ประเทศไทย ไม่ได้จดทะเบียนการค้าเป็นสาขาของ เนต้า ประเทศจีน ด้วยเหตุนี้สถานะของ เนต้า ประเทศไทย จึงยังไม่ใช่ผู้ล้มละลายตามไปด้วย ดังนั้น ตามเงื่อนไขของกฎหมาย เนต้า ประเทศไทย ยังคงอยู่ในเงื่อนไขของผลิตรถยนต์ชดเชย ตามมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า อีวี 3.0 ได้อยู่ ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนไปราว 2,000 ล้านบาท โดยจะมีระยะเวลากำหนดต้องผลิตชดเชยให้ได้ 19,000 คัน ภายในสิ้นปี 68 นี้ จากปัจจุบันผลิตได้ไปแล้วกว่า 4,000 คัน นอกจากนี้ระหว่างนี้ ยังมีการเรียกเงินแบงก์การันตีเพิ่มเติมอีก 50 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะดำเนินการได้ตามกฎหมาย