ทีมไทยแลนด์บินไปสหรัฐฯแล้ว นายกฯ อิ๊งค์มั่นใจเจรจาได้ประโยชน์สูงสุด

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐ หลังจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาเตรียมเดินทางไปสหรัฐฯ ช่วงค่ำวันที่ 30 มิ.ย. 68 ว่า ในรายละเอียดได้พูดคุยในที่ประชุมหมดแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งนายพิชัยก็เตรียมเดินทางแล้ว การเจรจารอบนี้น่าจะสรุปคำตอบได้หลายหัวข้อ เพราะมีเนื้อหา รายละเอียดที่สำคัญหลายเรื่อง และจากที่ได้เจรจามาแล้ว 1 รอบ เราก็มาดูในรายละเอียดต่อว่า สามารถปรับอย่างไรได้บ้าง ส่วนคาดหวังอัตราภาษีที่สหรัฐฯ จะจัดเก็บไทยเท่าไรนั้น ขอยังไม่บอกเป็นตัวเลข แต่คณะเจรจาจะทำให้ดีที่สุด และเกิดประโยชน์สูงสุดแน่นอน

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ได้มอบนโยบายและให้กำลังใจทีมไทยแลนด์ที่จะเดินทางไปเจรจาเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ ในคืนวันที่ 30 มิ.ย. 68 โดยขอให้ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อหาจุดสมดุลทางด้านการค้าขายระหว่างประเทศให้ได้ ในช่วงที่ไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

“นายกฯ มอบหมายทีมไทยแลนด์เร่งรัดการเจรจาให้ได้ข้อสรุปภายในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคส่งออก โดยนายกฯ ตั้งเป้าหมายให้การเจรจาครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการเปิดตลาด เพิ่มรายได้ ลดผลกระทบผู้ประกอบการให้มากที่สุด”

สำหรับการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ ครั้งนี้ นายพิชัย นำคณะทีมไทยแลนด์ ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปเพื่อเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยมีนัดหมายประชุมกับนายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) วันที่ 3 ก.ค. 68 เวลา 21.00 น. (ตามเวลาไทย) เพื่อลดภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บจากไทย 36% ให้เหลือต่ำที่สุด และยังมีกำหนดเข้าพบหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีก 2-3 หน่วยงาน

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า แนวทางการเจรจาของไทยเกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและทุกภาคส่วน เพื่อผลประโยชน์ของทุกภาคส่วน ภายใต้แนวคิดการเจรจาแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน (win-win) ที่พิจารณาทั้งข้อกังวลของสหรัฐฯ และความจำเป็นของไทย ที่มุ่งสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น เกษตร-อาหาร และเทคโนโลยี พร้อมเปิดตลาด ลดภาษี ลดอุปสรรค และอาจเพิ่มนำเข้าพลังงานและวัตถุดิบที่ไทยขาดแคลนจากสหรัฐฯ อีกทั้งยังเข้มงวดการสวมสิทธิ์สินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐฯ และส่งเสริมให้เอกชนไทยลงทุนในสหรัฐฯ

ด้านนายพิชัย กล่าวว่า การเจรจากับสหรัฐฯ ไม่ได้เพิ่งเริ่มต้น แต่ได้คุยกันนานแล้ว โดยยื่นข้อเสนอไปหลายครั้ง การเดินทางครั้งนี้เป็นการเก็บตกประเด็นที่เหลือ แนวทางเจรจาคือยึดถือประเทศเป็นหลัก แต่วางโจทย์ให้เป็น "win-win" ทั้งนี้ USTR ได้คุยกับหลายประเทศ ยังไม่กล้าตอบว่าการเจรจาไปถึงระดับใด และยังไม่มีประเทศใดเจรจาสำเร็จ จึงคิดว่าน่าจะเห็นการเลื่อนบังคับใช้อัตราภาษีใหม่ จากเดิมที่กำหนดวันที่ 8 ก.ค. นี้ “ส่วนที่ไทยถูกกำหนดภาษีที่ 36% และคาดการณ์ว่าจะถูกเก็บจริง 18% เป็นเพียงคาดการณ์ของนักวิชาการ เพื่อใช้ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยังไม่ทราบตัวเลขที่แท้จริง ซึ่งอาจต่ำกว่า 18% ก็ได้ แต่ขออย่าเก็บเรามากกว่าคนอื่น เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย”