ล่าโกงภาษีเสียหายกว่าพันล้าน 

นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าตรวจค้นสถานที่ ที่เกี่ยวข้องกับการออกและใช้ใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 14 แห่ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่มีสิทธิ ที่จะออกตามกฎหมาย และจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ณ สถานที่ตรวจค้นในความผิดฐานร่วมกันมีเจตนาออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออก ตามมาตรา 90/4 (3) ประมวลรัษฎากร 

สำหรับพฤติการณ์นี้ สืบเนื่องจากการตรวจสอบของกรม พบว่า กลุ่มผู้กระทำความผิดได้ออกใบกำกับภาษีระหว่างกันในกลุ่ม เพื่อสร้างยอดขายและยอดซื้อโดยไม่ได้ประกอบการจริง และจัดตั้งนิติบุคคลขึ้นเพื่อกิจการส่งออก และขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ได้ซื้อขายสินค้าระหว่างกันจริง 

“จากการสืบสวนเพิ่มเติมของบก.ปอศ. พบว่า กลุ่มผู้กระทำความผิดมีความสัมพันธ์กันทั้งในลักษณะเครือญาติ เพื่อน นายจ้าง และลูกจ้าง มีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ เพื่อสร้างภาพให้ดูเสมือนว่ามีการประกอบกิจการจริง โดยทั้ง 14 แห่ง พบใบกำกับภาษีและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนมาก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายระบบภาษีมูลค่าเพิ่มและสร้างความเสียหายให้แก่รัฐเป็นอย่างมาก”

สำหรับผู้ที่ออกและใช้ใบกำกับภาษีโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันจริง ต้องรับผิดทางแพ่งและมีโทษทางอาญา โดยกรณีออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีมีสิทธิที่จะออกตามมาตรา 86/13 ประมวลรัษฎากร เป็นความผิดอาญาตามมาตรา 90/4 (3) และกรณีนำใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี เป็นความผิดอาญาตามมาตรา 90/4 (7) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับ 2,000-200,0000 บาท

ด้านพล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการบูรณาการกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เปิดปฏิบัติการ “ปิดเกมส์กลโกงภาษี” หรือ “Anti Tax Fraud Operation” เข้าจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ได้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าว โดยได้ตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา 10 หมายในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 8 หมาย, จ.เชียงใหม่ 2 หมาย และตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามหมายค้นอีก 14 หมาย ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 11 จุด/พื้นที่, จ.เชียงใหม่ 2 จุด  และกทม. 1 จุด โดยได้เข้าตรวจค้นทั้ง 14 จุด ในเวลาพร้อมเพรียงกัน