สงครามเย็น ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อ “การค้า-การเงิน-แรงงาน” อาจกลายเป็น “ตัวประกัน”

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สงครามเย็น ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อ “การค้า-การเงิน-แรงงาน” อาจกลายเป็น “ตัวประกัน”

Date Time: 26 มิ.ย. 2568 11:05 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

เศรษฐกิจไทย-กัมพูชา เชื่อมโยงกันแน่น แต่เปราะบางกว่าที่คิด เมื่อ การค้า- แรงงาน ไปจนถึงระบบการเงิน การธนาคาร เกี่ยวพันกันแบบวันต่อวัน ความขัดแย้งยิ่งยืดเยื้อ ยิ่งกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจในพื้นที่

Latest


สถานการณ์ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ยังคงยืดเยื้อ จนนำมาสู่ การปิดด่าน ชายแดน รวม 18 จุด ส่งผลผู้คนตกค้าง และ การค้าสะดุดหนักทั้ง 2 ฝั่ง หนำซ้ำ รัฐบาลกัมพูชา ประกาศสงครามเย็น ขู่แบนสินค้าไทย และไม่รับซื้อกระแสไฟ-ระบบอินเตอร์เน็ต ที่เคยพึ่งพิงจากไทยทั้งหมด 

กลายเป็นความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่น่าจับตา และคาดว่าในมิติการนำเข้า-ส่งออก ที่มีตัวเลขภาพรวม มูลค่าราว 366,730 ล้านบาท ในฐานะคู่ค้าอันดับที่ 11 

ส่วนปี 2568 ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย. มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา มีตัวเลขอยู่ที่ 15,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% ขึ้นแท่นเป็น อันดับ 4 รองจากมาเลเซีย

โดยมีนักวิชาการประเมินว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้  จะทำให้แต่ละวันมีความเสียหายไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท 

ด้านแรงงาน ปัจจุบัน มีแรงงานชาวกัมพูชาเข้ามาทำงานถูกกฎหมายในประเทศไทย ราว 500,000 คน และส่งเงินกลับประเทศต้นทาง ปีละไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาท 

เจาะในภาคการเงิน ไทยก็มีข้อมูลความเชื่อมโยงกับกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งแม้ไม่มาก แต่ก็มีบางประเด็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า ไทยกับกัมพูชา เชื่อมโยงทางการเงิน ใน 3 มิติ ด้วยกัน คือ 

1.มิติการโอนเงินและชำระเงิน 

ข้อมูล ณ ไตรมาสที่ 1/2568 สัดส่วนธุรกรรมการรับชำระค่าสินค้าส่งออกของไทย (จากคู่ค้าในกัมพูชา) อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท ประมาณ 68.6% และ 31.3% ของมูลค่าสินค้าส่งออกไทยไปกัมพูชา 

ขณะที่ สัดส่วนธุรกรรมการชำระค่าสินค้า นำเข้าของไทย (กับคู่ค้าในกัมพูชา) อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท 49.3% และ 49.8% ของมูลค่าสินค้าเข้าจากกัมพูชา

โดยแม้ขณะนี้ ยังสามารถโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรนิกส์ หรือ ระบบโอนเงินดิจิทัลระหว่างไทยกับกัมพูชาได้ตามปกติ และยังสามารถปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้  เนื่องจากเกือบทั้ง 100% ของธุรกรรมอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท ไม่ใช่เงินเรียลของกัมพูชา 

แต่ความคล่องตัวของการทำธุรกรรมเงินสด ตลอดจนผลกระทบด้านการค้า /กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อยู่บริเวณชายแดน ก็มีความสุ่มเสี่ยงเช่นกัน ความแนวโน้มความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น 

2.มิติการลงทุนในสินทรัพย์กัมพูชา

พบว่า ผู้ลงทุน (ประกอบด้วย ผู้ลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่าน ตัวแทนการลงทุน และกองทุนรวม ไม่นับรวมกองทุนส่วนบุคคล) ในตราสารการเงินกัมพูชา ในปัจจุบัน มีเพียงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่านตัวแทน 

ขณะที่ ยอดคงค้างการลงทุน ทั้งหมดเป็นการลงทุนในตราสารทุน ซึ่งได้ทยอยปรับตัวลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด ณ เม.ย. 2568 มียอดคงค้างอยู่ที่ 0.42 ล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.003% ของ ยอดการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศของรายย่อยฯ ทั้งหมดโดยรวม 

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า กองทุนรวมในไทยไม่มีการลงทุนในตราสารการเงินกัมพูชา ดังนั้น จาก ข้อมูลเบื้องต้น ความเชื่อมโยงโดยตรงของการลงทุนรายย่อยฯ และกองทุนรวมต่อสินทรัพย์ การเงินของกัมพูชา น่าจะมีค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ตลาดอื่น ๆ ที่ เป็นที่นิยมมากกว่า เช่น สหรัฐฯ ลักเซมเบิร์ก จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ 

3.มิติภาคการธนาคาร 

จากชุดข้อมูลเดียวกัน พบว่า ในปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ของไทย มีการเข้าไปให้บริการทางการเงิน ในกัมพูชาในรูปแบบของการตั้งสาขาหรือให้บริการผ่านบริษัทการเงินในเครือที่ตนเองถือหุ้น เช่น บริการชำระเงิน-โอนเงินดิจิทัลข้ามประเทศ 

บริการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด บริการ ด้านเงินฝาก และสินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจและรายย่อยบางส่วน  ซึ่งหากมองในมิติของ Exposure ในกัมพูชาของธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง พบว่า ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการดำเนินงานในประเทศไทย โดยขนาดสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝากในกัมพูชา มีสัดส่วนประมาณ 0.41%, 0.42% และ 0.26% เมื่อเทียบ 3 กับยอดคงค้างทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ในไทย

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า แม้ในภาพรวม ไทยจะมีระดับความเชื่อมโยงทางการเงินกับกัมพูชาในสัดส่วนไม่สูงนัก แต่หากความขัดแย้งยืดเยื้อ ความเสียหายด้าน การค้า แรงงาน และระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจชายแดน จะกระทบแบบรายวัน และเริ่มลุกลามจากชายแดน สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นยังอาจซ้ำเติมความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการรายย่อย ทั้งฝั่งที่ค้าขายกับกัมพูชา และแรงงานที่พึ่งพิงซึ่งกันและกัน

ในระยะสั้น ทุกฝ่ายยังต้องจับตา “ระดับท่าที” ของกัมพูชา ว่าจะเดินหน้ากดดันต่อในมิติใดบ้าง ขณะที่ฝั่งไทยจำเป็นต้องทบทวน “เครื่องมือทางเศรษฐกิจ” ที่มีอยู่ ทั้งมาตรการบรรเทาผลกระทบ และการสื่อสารเพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง

เพราะหาก “เศรษฐกิจ” กลายเป็นตัวประกันของความขัดแย้งทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ความเสียหายอาจเกินกว่าที่ตัวเลขจะประเมินได้

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ