
“ธ.ก.ส.จะไม่หยุดอยู่ที่ “ธนาคารเพื่อการเกษตร” แต่มุ่งมั่นไปสู่
“ธนาคารเพื่อการพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ยกระดับภาคเกษตรทั้งระบบ
ซึ่งเป็นพื้นฐานของประเทศไทย”
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวในโอกาสนำเกษตรกรหัวขบวนจากชุมชนที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทต่างๆ ของไทย 10 ชุมชน ไปดูงาน “เกษตรก้าวหน้า” ณ มณฑลซินเจียง ประเทศจีน ซึ่งเป็นไปตามหลักการของ ธ.ก.ส. ที่มุ่งมั่นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับรายได้เกษตรกร ผู้ประกอบการเกษตร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตรมาต่อเนื่อง โดยการเป็นแกนกลางสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการผลิต เทคโนโลยี นวัตกรรม การตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ไปสู่รายได้ให้เกษตรกรที่ยั่งยืน
โดยเกษตรกรหัวขบวนจำนวน 10 ชุมชนที่เดินทางไปในครั้งนี้ ประกอบด้วย ชุมชนบ้านสนวนนอก จ.บุรีรัมย์ อส.ฟาร์มข้าวโพดหมัก จ.สระบุรี ชุมชนบ้านเจริญสุข จ.บุรีรัมย์ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะเห็ด บ้านท่าช้าง จ.พิษณุโลก ชุมชนบ้านมาบเหียง จ.ปราจีนบุรี ชุมชนอุดมสุขบ้านหัวอ่าว จ.นครปฐม ชุมชนบ้านกุดหมากไฟ จ.อุดรธานี ชุมชนบ้านบางนุ จ.พังงา ชุมชนบ้านควนสวรรค์ จ.ตรัง และ Dragon lion farm จ.แม่ฮ่องสอน
.พาเกษตรกรบุกจีนดูงาน“ทำเกษตรขั้นสูง”
วัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ นายฉัตรชัย กล่าวว่า เนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศที่ที่ประสบความสำเร็จในด้าน “การเกษตรสมัยใหม่” การเกษตรขั้นสูง เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาควบคุมและตรวจสอบปัจจัยต่างๆ เพื่อลดการเกิดโรค และเพิ่มผลผลิต นำเครื่องจักรอัจฉริยะช่วยทำการเกษตร ตั้งแต่การเพาะกล้า จนถึงเก็บเกี่ยว รวมทั้งงานวิจัยสมัยใหม่เพื่อพัฒนาพันธุ์พืช ได้ผลผลิตสูงขึ้น แต่ประหยัดต้นทุน เพราะใช้คนงานน้อย
“อยากให้เกษตรกรมาเห็นด้วยตัวเอง เพราะแม้จะมีคนเล่าให้ฟัง ดูอินเตอร์เน็ต หรือจากการอ่านจากคู่มือที่มีอยู่ในชุมชน ก็อาจยังไม่ดีเท่าที่ได้มาเห็น ถามตรงจากผู้ปฏิบัติงานจริง ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เพราะการเกษตรชุมชน ยังสามารถต่อเนื่องไปถึงการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ ตลาดชุมชน เพื่อยกระดับมูลค่าการเกษตรได้อีกด้วย”
ธ.ก.ส.คาดหวังว่าเกษตรกรหัวขบวนของเรา จะสามารถนำความรู้ใหม่ๆ นำแนวคิดการทำการเกษตร และเทคโนโลยีที่ทันสมัยของจีนกลับไปใช้ หรือนำประยุกต์ใช้เพื่อใช้ประโยชน์กับการทำเกษตรในบ้านเรา เช่น การรับมือกับภูมิอากาศที่แปรปรวนสูง เพราะในซินเจียง มีอากาศที่แห้งมากช่วงกลางวันร้อนจัด กลางคืนเย็นและในหน้าหนาวอากาศติดลบ จึงต้องมีโรงเรือนในการปลูกพืช และจะต้องใช้เทคโนโลยีในการควบคุมอุณหภูมิ รวมทั้งการใช้โซลาร์เซลล์เพื่อเป็นการลดต้นทุน และประหยัดพลังงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้กับการทำเกษตรในบ้านเราได้
“ส่วนของ ธ.ก.ส.พร้อมที่จะเป็นแหล่งเงินทุน แต่การนำนวัตกรรม หรือการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการผลิต เราก็หวังเกษตรหัวขบวนเป็น “ผู้นำในชุมชน” ที่จะช่วยเกษตรกรไทย และในครั้งนี้ ก็คาดหวังว่า เกษตรกรหัวขบวนที่เราพามาจะสามารถนำเทคโนโลยีที่เห็นไประยุกต์ใช้ และเผยแพร่เริ่มจากกลุ่มชุมชนของเขา และชุมชนอื่นๆ ต่อเนื่องไป"
ขณะเดียวกัน เพื่อสนับสนุนการพัฒนา คณะกรรมการฯของธนาคาร ก็เพิ่งอนุมัติสินเชื่อ “สมาร์ทเทค สมาร์ทฟาร์มเมอร์” ซึ่งสามารถขอสินเชื่อ เพื่อนำไปเสาะหาเทคโนโลยีสมัยใหม่ประยุกต์เข้ากับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมได้ ซึ่งดอกเบี้ยจะให้ต่ำกว่าปกติ เพื่อช่วยเกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นได้
.ยกระดับ “การผลิต-สินค้า”สร้างเกษตรยั่งยืน
ธ.ก.ส.ยังมีโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรแปรรูปสินค้าเกษตรขั้นต้นให้กลายเป็นสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จพร้อมขาย เช่น จากเดิมที่สหกรณ์จะทำแค่รวบรวมข้าวเพื่อขายเท่านั้น แต่หนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นที่ ธ.ก.ส. ได้เข้าไปยกระดับสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยร่วมกับสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด คือ ข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ซึ่งเรามีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผนและกระบวนการนำข้าวสารหอมมะลิ GI ทุ่งกุลาร้องไห้ไปสู่การเป็นข้าวพร้อมทาน โดยจากเดือน ก.ย.67 ถึงขณะนี้มียอดส่งจำหน่ายได้แล้วกว่า 40,000 ถ้วย มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท
“เรามีเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรเป็นสินค้าแปรรูป เพราะอย่างที่รู้กัน การขายแต่สินค้าวัตถุดิบต้องขายปริมาณมาก และราคาผันผวนสูง แต่เมื่อเป็นผลิตภัณฑ์ จะได้ราคาที่เกษตรกรกำหนดเอง ไม่ใช่ตลาดกำหนดให้”
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า จากการประกวด “ชุมชนอุดมสุข” ในช่วง 3 ปีมานี้ เราได้เห็นการแปรรูปจากวัตถุดิบเป็นสินค้ามากขึ้น ซึ่ง ธ.ก.ส.เข้าไปทำแบรนดิ้ง ทำการตลาด ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ โดยมองจากเวลาที่เราไปต่างประเทศ ขนมต่างๆที่เราซื้อ เราซื้อเพราะเป็น “ของฝาก” ไม่ได้ซื้อเพราะเป็นขนม ดังนั้น เมื่อเกษตรกรไทยผลิตขนมออกมา หากมีการวางตำแหน่ง การทำแพกเกจจิ้งสวยๆ ทำการตลาด มีเรื่องราวของสินค้า ก็จะสามารถเพิ่มลูกค้าในกลุ่มท่องเที่ยว ซื้อเป็นของฝากของกำนัลได้ และกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง มีความต้องการซื้อไม่จำกัด
การดูงานครั้งนี้ เราได้เห็นการสร้างแบรนด์ของสินค้าเกษตรจีน มีบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย สวยงาม แต่เก็บรักษาสินค้าได้เป็นเวลานาน และเห็นการสร้างตลาดที่มีความเป็นเอกลักษณ์ชนพื้นถิ่น ขายสินค้าเกษตรให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งสินค้าแปรรูป เช่น สบู่ เครื่องหอม ขนมต่างๆ นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มเรื่องราว เช่น มะเขือเทศพันธุ์โบตั๋นดำ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง หรือแตงกว่าลดความดันโลหิต ทำให้สามารถขายได้ในราคาสูงกว่าเดิมถึง 2-3 เท่าตัว
.ดึง“เกษตรกรยุคใหม่”คืนถิ่นร่วมพัฒนา
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ยังต้องการสร้างเกษตรกรยุคใหม่ที่คุ้นกับการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม โดยได้ออก “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” สำหรับคนอายุ 50+ ที่ทำงานในเมืองเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพเกษตรกร เพื่อให้มีรายได้ ลดค่าใช้จ่ายยามเกษียน ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินทางการเกษตรสูงสุด 8 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ และยังกู้เพิ่มเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อทำเกษตรได้อีกด้วย
“ผมมองว่า คนกลุ่ม 50+นี้จะเข้ามามีบทบาทในการเข้ามาเป็น “ผู้นำ”ที่จะริเริ่มนำเทคโนโลยีทันสมัย และความรู้ใหม่ๆเข้ามาใช้ในการทำเกษตรในพื้นที่ เพราะเป็นคนที่เคยทำงานอยู่ในเมือง และหวังว่าจะใช้ความรู้ที่มี ช่วยรวมกลุ่ม และแบ่งปันความรู้ให้กับชุมชน สร้างให้ชุมชนการเกษตร และเกษตรกรในพื้นที่แข็งแกร่งขึ้น"
เรายังแปลงโครงการช่วยเหลืออาหารกลางวันของเราจาก “เกษตรอาหารกลางวัน” เป็น”เกษตรเพื่อการค้า” โดยให้นักเรียนตั้งแต่ ม.4 ไจนถึง ม.6 ได้ใช้องค์ความรู้ และเงินทุนของ ธ.ก.ส.ทำปศุสัตว์ ปลูกผักในโรงเรียน เพิ่มประสบการณ์การทำเกษตรให้เก่งพอนำไปใช้ในชีวิตจริง โดยในโครงการนี้ นักเรียนสามารถนำผลผลิตทที่ได้ไปขายเพื่อเป็นรายได้ ขณะที่ พ่อแม่จะได้องค์ความรู้ที่ทันสมัยจากลูก ทำให้มีเกษตรสมัยใหม่ คนรุ่นใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น
ขณะนี้ภาคการเกษตรของไทยมีความท้าทายใหญ่หลวงมาก เรื่องอายุที่มากขึ้นของเกษตรกร และลูกหลานไม่ได้อยู่ในภาคเกษตร จึงเป็นอีกบทบาทหนึ่งของ ธ.ก.ส.ที่จะนำคนอีกกลุ่มใหม่เข้ามาในภาคการเกษตร ทั้งคนเมืองที่อายุ 50 ปีขึ้นไป และเกษตรรุ่นใหม่ ที่ได้เริ่มทำเกษตรอย่างจริงจังตั้งแต่ ม.4 รวมทั้งสินเชื่อเพื่อเกษตรกรรุ่นใหม่ (New Gen & Young Smart Farmer) ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่อยากทำเกษตรเข้ามาทำเกษตรได้ง่ายขึ้น
“ระบบการศึกษาของไทย มุ่งเน้นในเด็กจบปริญญาตรี จบมาทำงานในเมืองเงินเดือน 15,000-20,000 บาทต่อเดือน หรือ 240,000 บาทต่อปี แต่หากทำการเกษตร 1 ปี 3 รอบการผลิต ได้รอบละ 80,000 บาทเท่ากับเงินที่ได้จากการทำงานในเมือง แต่การใช้จ่ายน้อยกว่า มีเวลาอยู่กับครอบครัว มีเวลาพัฒนาผลผลิตให้มากขึ้น และผมมองว่า การเกษตรสมัยใหม่จะเป็นเครื่องมืองช่วยในการแปลงร่างและการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ”