สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูงต่อเนื่อง 10 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อรายได้และเสี่ยงกลายเป็นหนี้เสีย สะท้อนความเปราะบางทางการเงินของคนไทย และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศในระยะยาวหากไม่เร่งแก้ไขหรือหาทางรับมือ
การมี "หนี้" ไม่ใช่เรื่องผิด หากหนี้เหล่านั้นมาจากการกู้ยืมในสิ่งจำเป็น เช่น จ่ายค่าพยาบาลให้คนในครอบครัว ซื้อที่อยู่อาศัย หรือนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้
หากแต่ปัจจุบัน ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนในสัดส่วนอัตราที่ค่อนข้างสูง และส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่สร้างรายได้ (Non-productive) หรือเป็นหนี้ที่พึงระวังเพราะมาจากการใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งส่งผลให้เงินที่กู้ยืมมาติดลบมากกว่างอกเงย
เมื่อหนี้ครัวเรือนของประเทศอยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงของการเกิดหนี้เสียก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เพราะการมีหนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าการเงินและรายได้ของคนไทยเริ่มหดตัวลงเรื่อย ๆ และอาจส่งผลกระทบต่อ GDP และการเติบโตของประเทศ
จากการรายงานของสภาพัฒน์และธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า อัตราหนี้ครัวเรือนไทยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2558 ถึงไตรมาสแรกของปี 2568 ยังคงอยู่ในตัวเลขที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดย Thairath Money ได้รวบรวมหนี้ครัวเรือนไทยทั้ง 10 ปีที่ผ่านมา ดังนี้
ปี 2558
ปี 2559
ปี 2560
ปี 2561
ปี 2562
ปี 2563
สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในปี 2563 นั้นมีอัตราสูงเป็นอันดับ 2 ในสถิติ 10 ปีนี้ เนื่องจากเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 หลายคนสูญเสียรายได้หนักและมีหนี้พุ่งสูงจากการที่โลกหยุดชะงักและไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้
ปี 2564
สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในปี 2564 เป็นตัวเลขสูงสุดใน 10 ปีนี้ เพราะเป็นช่วงฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งผลกระทบจากเศรษฐกิจที่หยุดชะงักและธุรกิจที่ต้องปิดตัวทำให้การเงินของคนไทยสั่นคลอน และมีหนี้เพราะเหตุการณ์โรคระบาดที่ไม่คาดฝันลากยาวมาจนถึงทุกวันนี้
ปี 2565
สัดส่วนหนี้ต่อ GDP เริ่มชะลอตัวลงเพราะการปล่อยสินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้นเนื่องจากธนาคารมีความกังวลจากอัตราหนี้เสียที่ยังอยู่ในระดับสูง และหนี้ครัวเรือนยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปี 2566
ปี 2567
ไตรมาส 1 ปี 2568
แม้ตัวเลขสัดส่วนหนี้ต่อ GDP จะลดลงในภาพรวม โดยมีผลมาจากการปล่อยสินเชื่อครัวเรือนที่น้อยลง เนื่องจากหนี้เสียของคนไทย (NPL) และสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อยังอยู่ในระดับสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้หลายคนหันไปพึ่งพาหนี้นอกระบบมากขึ้นเพราะอยากได้เงินมาหมุนเวียนแม้ดอกเบี้ยจะสูงจนน่ากลัว
สุดท้ายนี้ หากยังไม่มีการแก้ไขหรือหาทางออกให้กับปัญหาหนี้ครัวเรือนเหล่านี้ อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจและการเงินของคนในประเทศในระยะยาวได้ เพราะคนไทยเสี่ยงมีหนี้ติดตัวสูงกว่ารายได้จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเพราะหนี้ครัวเรือนฉุดรั้ง
ที่มา : สภาพัฒน์, ธนาคารแห่งประเทศไทย
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่