
ประเทศไทยได้รับอนุมัติให้เป็นเจ้าภาพ F1 ระยะเวลา 5 ปี ระหว่างปี 2028-2032 ภายใต้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท
การแข่งขัน Formula 1 หรือ F1 ไม่ใช่แค่กีฬาความเร็วสูงเท่านั้น แต่คือมหกรรมระดับโลกที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และยังสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น
ด้วยการจัดการแข่งขันที่ครอบคลุม 5 ทวีปทั่วโลก F1 จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือสำหรับการสร้างแบรนด์และพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองและประเทศที่ได้เป็นเจ้าภาพไปโดยปริยาย และจากการแข่งขันที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าสนามโมนาโกไปจนถึงอาบูดาบี ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการเป็นเจ้าภาพ F1 แผ่ขยายไกลเกินขอบสนามแข่งอย่างมีนัยสำคัญ
และนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟนคลับ Formula 1 ชาวไทย เมื่อคณะรัฐมนตรีฯ ประกาศเห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพโครงการจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกรายการ “FIA Formula One World Championship” โดยจะเป็นสัญญาระยะเวลา 5 ปี ระหว่าง 2028-2032 ภายใต้กรอบวงเงิน 40,000 ล้านบาท
การก้าวเข้ามาของประเทศต่าง ๆ เพื่อที่จะจับจองเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน F1 นั้น เบื้องหลังยังมีเรื่องของภาพลักษณ์ เศรษฐกิจ และการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จากข้อมูลล่าสุดของ CNBC พบว่า มีอย่างน้อย 4 สนามเดิมที่ยังต้องลุ้นต่อสัญญา ขณะที่ประเทศใหม่ ๆ อย่างไทยและเกาหลีใต้ได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการเพื่อขอเป็นเจ้าภาพ Grand Prix รวมถึงอีกหลายประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย รวันดา
และที่น่าสนใจคือ การจะจัดแข่งขันในแต่ละสนาม แต่ละประเทศเจ้าภาพจะต้องเป็นผู้ลงทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สนามแข่ง ตลอดจนพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ ที่จำเป็น อีกทั้งธุรกิจ F1 ภายใต้การบริหารของ Liberty Media ยังมีโมเดลธุรกิจที่จะเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าภาพสนามแข่งขัน
โดยค่าธรรมเนียมของแต่ละสนามที่ต้องจ่ายจะอยู่ระหว่าง 15-55 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามสัญญาที่ทำ ยกตัวอย่าง สนาม Marina Bay ในสิงคโปร์จะต้องจ่ายที่ 35 ล้านดอลลาร์สำหรับจัดแข่งขัน ซึ่งยอดรวมรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมในปี 2022 มีมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ประเทศในแถบตะวันออกกลาง อย่าง ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ที่จ่ายสูงถึง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้การเก็บค่าธรรมเนียมจากสนามที่จัดแข่งขันของแต่ละประเทศนั้นจะมีการทำสัญญาเป็นทั้งระยะสั้นและระยะยาวแตกต่างกันไป การจัด F1 แต่ละเป็นตัวช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจให้กับแต่ละประเทศที่จัดเป็นอย่างดี เนื่องจากจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่แหนกันเข้าไปในช่วงนั้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เจาะโมเดลธุรกิจ “Formula 1” ทำเงินอย่างไร ถึงเป็นกีฬาแข่งรถที่ “แพง” สุดในโลก?
และนอกจากค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายกับ F1 แล้ว มีการคำนวณไว้ว่า มูลค่าสนามในยุคใหม่จะมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 200-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสนามระดับพรีเมียมอาจสูงเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Stefano Domenicali ซีอีโอของ F1 กล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่า “เรารับสายจากนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทั่วโลกที่ต้องการจัดการแข่งขัน เพราะการได้เป็นเจ้าภาพ F1 นั้น ไม่ใช่แค่การจัดแข่งรถ แต่คือการเป็นเวทีโชว์พลังเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ระดับชาติ”
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางที่กำลังเดินหน้าใช้กีฬา F1 มาเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ อย่างเช่น อาบูดาบีที่เริ่มจัด F1 ครั้งแรกในปี 2009 โดยลงทุนสร้างเกาะ Yas ขึ้นมาจากศูนย์ ด้วยงบกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นสนามแข่งโดยเฉพาะ และในปี 2023 เกาะนี้ก็ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวถึง 34 ล้านคน
ฝั่งซาอุดีอาระเบียก็ไม่น้อยหน้า เคยมีข่าวว่ารัฐบาลถึงกับพิจารณาซื้อกิจการ F1 ทั้งระบบ และวันนี้ก็นำ F1 มาใช้เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ประเทศเชิงท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ผลลัพธ์คือ รายงานจาก YouGov ในปี 2023 ระบุว่า แฟน F1 ชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะเดินทางไปซาอุฯ มากกว่าคนอเมริกันทั่วไปถึง 2 เท่า
Robin Fenwick ซีอีโอของเอเจนซี่ Right Formula พูดไว้ชัดว่า “F1 ไม่ได้โชว์แค่การแข่งรถ แต่มันโชว์ตัวเมือง จนกลายเป็นตัวเร่งเศรษฐกิจและภาพจำถาวรของเมืองนั้น”
F1 นับว่าเป็นกีฬาที่จัดแล้วสามารถสร้างแรงดึงดูดด้านการท่องเที่ยวได้ในระดับโลก โดยแต่ละสนามแข่งของ F1 สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนับหมื่นถึงแสนคน ทำให้ F1 กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดเมืองที่ทรงพลังที่สุดในโลก ยกตัวอย่างเช่น
ทั้งนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะมีการแข่งขันจริงของ F1 เกิดขึ้น คือช่วงเวลาบูมของเมืองเจ้าภาพ โรงแรมเต็มทุกห้อง ตั๋วเครื่องบินราคาเพิ่มขึ้น ร้านอาหารแน่นขนัด และสถานที่ท่องเที่ยวก็มีผู้เข้าชมล้นหลาม ซึ่ง F1 สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้หลากหลายมิติ ได้แก่
สำหรับเมืองเจ้าภาพ F1 คือแพ็คเกจสมบูรณ์แบบที่รวมทั้งเม็ดเงิน การตลาดระดับโลก และการพัฒนาการท่องเที่ยวระยะยาว และเมื่อกีฬาแห่งความเร็วนี้ยังคงขยายตัวสู่จุดหมายใหม่ ๆ ศักยภาพในการเปลี่ยนเมืองธรรมดาให้กลายเป็นจุดหมายท่องเที่ยวระดับโลก ก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney