
น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (Digital Economy Framework Agreement : DEFA) ซึ่งไทย เป็นประธานคณะกรรมการเจรจา ว่า อาเซียนได้ประกาศเริ่มต้นการเจรจามาตั้งแต่ปลายปี 2566 และเริ่มเจรจาอย่างจริงจังในเดือนม.ค.2567 โดยตั้งเป้าหมายสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายใน 2 ปี หรือภายในปี 2568 ที่ผ่านมา เจรจากันแล้ว 11 รอบ และหาข้อร่วมกันได้เกือบ 50% จากร่างความตกลงทั้งหมด
”หากเจรจาสำเร็จ DEFA จะเป็นความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาคฉบับแรกของโลก ที่ส่งเสริมให้อาเซียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ ลดความเหลื่อมล้ำ ดึงดูดลงทุน”
.เร่งปิดเจรจาให้ได้ตามเป้าในปีนี้
ทั้งนี้ หลังจากเจรจาจนหาข้อร่วมกันได้เกือบ 50% แล้ว อาเซียนต้องการผลักดันให้เจรจาจบได้ตามเป้าหมาย ดังนั้น มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ จึงได้กำหนดเป้าหมายสำคัญ คือ ต้องสรุปผลการเจรจาอย่างมีนัยสำคัญให้ได้ในปีนี้ หรืออย่างน้อยควรหาข้อร่วมกันให้ได้มากกว่า 80% ส่วนไทย ประธานคณะกรรมการเจรจาฯ ได้เร่งรัดการเจรจาอย่างเต็มที่ และจากการที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้พบกับนายกาน คิม ยอง รองนายกฯและรมว.การค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ ในช่วงการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 25 ที่มาเลเซียเมื่อเร็วๆ นี้ ต่างเห็นพ้องที่จะสรุปการเจรจาให้ได้ในปีนี้ ขณะเดียวกัน ไทยได้เสนอต่อรัฐมนตรีการค้ามาเลเซีย ในฐานประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน แสดงความพร้อมจัดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนสมัยพิเศษเร็วๆ นี้ เพื่อผลักดันการเจรจา และสร้างฉันทามติในประเด็นสำคัญที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
“ตอนนี้ ภาคเอกชนทั้งของไทย และต่างประเทศ สอบถามเรื่องนี้มาก อยากให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะจะมีประโยชน์ต่อการค้าดิจิทัลในภูมิภาค และหากสำเร็จ DEFA จะเป็นความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาคฉบับแรกของโลก ที่มุ่งจัดทำกฎเกณฑ์เพื่อส่งเสริมให้อาเซียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัล และดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก”
.ดันอาเซียนผงาดฮับเศรษฐกิจดิจิทัล
สำหรับการจัดทำ DEFA เป็นไปตามอาณัติของผู้นำอาเซียน ที่ต้องการยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน จึงกำหนดให้เป็นความตกลงที่ทันสมัย มีขอบเขตกว้างขวาง และครอบคลุมประเด็นดิจิทัลอย่างรอบด้าน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของแผนงาน “บันดาร์เสรีเบกาวัน” ที่อาเซียนจะเปลี่ยนสู่เศรษฐกิจดิจิทัล รองรับวิสัยทัศน์อาเซียนหลังปี 2568 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวหลังวิกฤติโควิด-19 ดังนั้น DEFA จึงมุ่งสร้างเงื่อนไขที่เอื้อให้อาเซียนกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล ที่แข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ 1.เร่งการเติบโตของการค้าดิจิทัลและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ข้ามพรมแดน 2.สร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัย 3.ส่งเสริมให้ระบบดิจิทัลของแต่ละประเทศเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันได้ และ4.เพิ่มการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย (MSMEs) ในเศรษฐกิจดิจิทัล
และเพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว อาเซียนได้จัดทำกรอบการเจรจา ดังนี้ 1.การค้าดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าข้ามพรมแดนที่ไร้รอยต่อด้วยเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่อกันได้ 2.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม 3.สนับสนุนระบบการชำระเงินดิจิทัล และใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ต่างกัน แต่เชื่อมต่อกันได้ 4.การยืนยันและพิสูจน์ตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ที่เชื่อมต่อกันและยอมรับร่วมกันได้ภายในภูมิภาค 5.ยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่เปิดกว้าง ปลอดภัย คุ้มครองผู้มีส่วนร่วมในธุรกรรมดิจิทัล
6.อำนวยความสะดวกการส่งผ่านข้อมูลข้ามพรมแดน และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 7.ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีใหม่ เพื่อกำหนดมาตรฐานและกฎระเบียบสำหรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) 8.เคลื่อนย้ายแรงงาน โดยอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายแรงงานทักษะสูง เช่น ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ฯลฯ และ9.นโยบายการแข่งขัน โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้แข่งขันอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และคุ้มครองผู้บริโภค
.เพิ่มมูลค่าค้าดิจิทัล 2 ล้านล้านเหรียญฯ
น.ส.โชติมา กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อ DEFA มีผลบังคับใช้ คาดว่า จะผลักดันมูลค่าการค้าดิจิทัลในภูมิภาคให้เพิ่มขึ้นจนแตะ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯภายในปี 2573 เพราะจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการค้าดิจิทัลในภูมิภาค โดยเฉพาะอำนวยความสะดวกทางการค้า เชื่อมโยงระบบการชำระเงินดิจิทัล ที่ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ นอกจากนี้ ความร่วมมือคุ้มครองผู้บริโภค และความปลอดภัยไซเบอร์ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ และผู้บริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีการลดช่องว่างทางดิจิทัล และพัฒนา Digital Talent ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการทุกคนในอาเซียน โดยเฉพาะ MSMEs อีกทั้งยังส่งเสริมความร่วมมือเพื่อต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ และเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงยังมีความร่วมมือในประเด็นท้าทายใหม่ๆ เช่น AI, เทคโนโลยีการเงิน (Fin Tech) เป็นต้น
“ความตกลงนี้ จะช่วยให้อาเซียนมีกรอบกติกาการค้าดิจิทัลที่เหมือนกัน เปิดกว้าง และปลอดภัยในการทำธุรกรรมดิจิทัล เช่น ยืนยันและพิสูจน์ตัวตน ใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ระบบชำระเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงและยอมรับร่วมกัน ซึ่งจะสนับสนุนการค้าดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ ช่วยเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันและลดช่องว่างด้านดิจิทัลระหว่างกัน ที่สำคัญจะช่วยดึงดูดการลงทุนภายในอาเซียน และจากนอกอาเซียน นำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่มากขึ้น”