SCB EIC ประมาณการณ์ เศรษฐกิจไทย แนวโน้มขยายตัวต่ำลงอีกใน 2 ปีข้างหน้า คาดปีนี้ อาจจะเติบโตเพียง 1.5% หลังมองครึ่งปีหลังอาจขยายตัวเพียง 1% ส่งผลภาคธุรกิจต่าง ๆ อาจเติบโตน้อยลง แต่มีบางกลุ่มไปต่อได้ ประชาชนต้องเตรียมรับมือและปรับตัว
ในปี 2568 นี้ เป็นปีที่มีเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นบนโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าที่เกิดจากนโยบาย ขึ้นภาษีนำเข้าของผู้นำสหรัฐ และความผันผวนในตลาดการเงิน รวมถึงสงครามระหว่างประเทศ รัสเซีย - ยูเครน และ อิสราเอล - อิหร่าน ที่ส่งผลให้ความเสี่ยง ด้านภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความผันผวน และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับที่สูงมาก
โดยล่าสุดวันนี้ (18 มิ.ย.2568) ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2568 นี้ และในปี 2569 ว่ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพียง 2.3% เท่านั้น ซึ่งชะลอตัวลงจาก 2.8% ในปีก่อน
ในขณะเดียวกัน ผลกระทบจากสงครามการค้า ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับสูง และปัจจัยอื่น ๆ จะเป็นแผลเป็นของเศรษฐกิจไทย และด้วยข้อจำกัดด้านการคลัง จะกดดันให้เศรษฐกิจของไทยนั้น มีแนวโน้มที่จะ “ขยายตัวต่ำลงอีก ในช่วง 2 ปี ข้างหน้าต่อจากนี้” และเราอาจจะได้เห็นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โตเฉลี่ยต่ำกว่า 1%
โดย SCB EIC ประมาณการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะเติบโตเพียง 1.5% ส่วนในปีหน้า (2569) จะเติบโตเพียง 1.4% ถือว่าต่ำกว่าคาเฉลี่ยอยู่พอสมควร
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยจะแผ่วลงในเกือบทุกมิติ โดยเฉพาะในภาคเอกชน จะแผ่วลง และชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบที่มาจากการที่ภาคครัวเรือนยังงอยู่ในช่วงการปรับลดภาระหนี้ที่สูงขึ้นมากในช่วงก่อนหน้า ทำให้ครัวเรือนจะระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น
ในภาคของการท่องเที่ยวของไทย ในช่วงต้นปีแรกมีการเติบโตไปในทิศทางที่ดี โดยในเดือน ม.ค. เติบโตถึง 22% แต่ตั้งแต่เดือน ก.พ. เป็นต้นมา กลับติดลบมาโดยตลอดจนถึงเดือน พ.ค. ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีน และการท่องเที่ยวอย่างประหยัด และระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายจากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
นอกจากนี้ธุรกิจในประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเรื่อย ๆ ต้องเจอกับศึกอีกหลายด้าน และจะเผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากนโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์ และสงครามความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอล - อิหร่าน นอกจากนี้เราจะต้องคอยจับตาดูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และประเทศกัมพูชาต่อไปในอนาคต ว่าจะเป็นอย่างไร แล้วจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจในภาคต่าง ๆ อย่างไรบ้าง
ส่วนกรณี กระทรวงพาณิชย์ เพิ่งประกาศตัวเลขภาคการส่งออกของเดือน พ.ค. ออกมาว่าทะลุ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น ดร. ยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน SCB EIC มองว่าเป็นแค่ข่าวดีในระยะสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวก็ต้องมาดูในเรื่องของความท้าทายเชิงโครงสร้างกันอีกที
แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ถดถอย และมีความไม่แน่นอนสูง ก็มีธุรกิจบางกลุ่มที่มีโอกาสที่จะเติบโตได้ เช่น ธุรกิจที่มีสินค้า และบริการที่เป็นเอกลักษณ์ กลุ่มธุรกิจที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ เช่น ธุรกิจ Health and wellness เป็นต้น เนื่องจากกลุ่มธุรกิจเหล่านี้มีการปรับตัวพัฒนาสินค้า และบริการให้ยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคศักยภาพสูง
นั่นเท่ากับว่า หากในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก มีแนวโน้มไม่แน่นอนเช่นนี้ เศรษฐกิจส่อโตต่ำ หนี้ครัวเรือนก็ยังสูง ปัจจัยลบรอบด้าน ประชาชนอาจต้องใช้จ่ายอย่างมีสติ เพิ่มความสำคัญกว่าเดิม อย่างการจดรายจ่าย วางงบประมาณล่วงหน้า จัดสรรเงินเผื่อฉุกเฉินให้พออย่างน้อย 3-6 เดือน หรือปรับรูปแบบการธุรกิจของตนเองให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากขึ้น
ที่มา : SCE EIC
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney