
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 17 มิ.ย. 2568 มีมติเห็นชอบยกเลิกมติครม.เดิม ที่เคยอนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)จัดหารถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติ(NGV)จำนวน 3,183 คัน พร้อมมีมติเห็นชอบโครงการเช่ารถโดยสารประจำทาง(รถเมล์)ปรับอากาศพลังงานสะอาด(EV)จำนวน 1,520 คัน เพื่อทดแทนรถเมล์ร้อนเดิมที่มีอายุการใช้งานมากว่า 30 ปี วงเงิน 15,355 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ขสมก.จัดทำร่างเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)ที่เป็นธรรม ไม่กีดกันหรือเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนรายใดรายหนึ่ง
ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ขสมก.จะประกาศร่างทีโออาร์บนเว็บไซต์ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการประชาพิจารณ์ และเปิดประกวดราคารูปแบบ e-bidding หากไม่มีการร้องเรียนหรือปรับแก้ทีโออาร์ คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาจัดซื้อได้ภายใน 55 วันทำการนับจากวันที่ครม. เห็นชอบ หรือในช่วงเดือนต.ค. 2568 โดยเบื้องต้น ขสมก. จะทยอยรับรถ 3 ระยะ ระยะที่ 1 จำนวน 500 คัน ในช่วง ก.ค.-ส.ค. 2569 ระยะที่ 2 จำนวน 500 คัน และระยะที่ 3 จำนวน 520 คัน ซึ่งจะทยอยรับมอบรถครบทั้งหมดจำนวน 1,520 คัน ภายในปี 2570 โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 7 ปี เริ่มในปี 2569 และสิ้นสุดสัมปทานในปี 2576
สำหรับแผนการดำเนินการของขสมก. หลังจากนี้จะเร่งรัดพัฒนากายภาพอู่จอดรถ สถานีชาร์จไฟ เพื่อรองรับรถเมล์ปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าทั้ง 1,520 คัน นำมาทดแทนรถเมล์เก่า ที่จะต้องมาจัดกลุ่มรถเมล์ร้อน (สีครีมแดง) ใกล้ปลดระวาง และมีสภาพไม่สามารถนำมาวิ่งให้บริการได้ นอกจากนี้ขสมก.จะต้องมาจัดทำเส้นทางใหม่ เบื้องต้นจะนำมาวิ่งให้บริการในเส้นทางเขตเมือง เช่น รัชดาภิเษก รามคำแหง สีลม จุฬา สามย่าน เป็นต้น โดยการดำเนินโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า จะทำให้ประชาชนได้ใช้บริการรถเมล์ใหม่ มีความสะดวกสบาย รวมถึงช่วยแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมทั้งช่วยลดภาระต้นทุนรวมของ ขสมก. ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนเชื้อเพลิง จะลดลง 925 ล้านบาทต่อปี รวม 7 ปี ลดลง 6,475 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง ลดลง 887.68 ล้านบาท รวม 7 ปี ลดลง 6,213.76 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตลอดทั้งโครงการ 7 ปี จะทำให้ ขสมก. มีรายได้รวม 52,000 ล้านบาท มีรายจ่าย 32,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19,000 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารประจำทางที่อยู่ในระบบบริการ จำนวนทั้งสิ้น 2,884 คัน โดยนำรถออกให้บริการ 95% ของจำนวนทั้งหมด หรือเฉลี่ยประมาณ 2,740 คันต่อวัน ในส่วนแผนการยกเลิกรถเมล์ร้อนนั้น ขสมก.ตั้งเป้าใช้รถพลังงานสะอาดปรับอากาศ 100% ภายในปี 2572 ขณะที่รถเมล์ร้อนที่ยังมีสภาพพอใช้งาน จะถูกจัดให้เป็น “รถสำรอง”
ทั้งนี้ ที่ประชุมครม.ยังได้ยกเลิกโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ซึ่งมีแนวคิดริเริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร (ประมาณปี 2548) ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ครม.อนุมัติโครงการจัดซื้อเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2556 และถูกส่งต่อมายังรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร สั่งยกเลิกในที่สุด