คลัง-บีโอไอ อยู่ระหว่างหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า จ่อปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณยอดการผลิตชดเชย น่าจะช่วยบรรเทาปัญหาของรถอีวี
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ล้นตลาด โดยเฉพาะประเด็นข้อกำหนดการผลิตชดเชยการนำเข้า ว่าจะปรับอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถล้นตลาด และกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมนี้ โดยประเด็นหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาหารือ คือ เรื่องสูตรการคำนวณจำนวนการผลิตชดเชยการนำเข้า เพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งการเปลี่ยนวิธีการคำนวณยอดการผลิตชดเชย น่าจะช่วยบรรเทาปัญหาของรถอีวี ที่ออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในขณะนี้ได้ระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มาตรการสนับสนุนการใช้รถอีวี โดยที่รัฐให้เงินอุดหนุนแก่ค่ายรถยนต์อีวี ที่นำเข้ามาขายในประเทศ เพื่อให้ค่ายรถยนต์นำไปเป็นส่วนลดให้กับผู้ซื้อนั้น ได้กำหนดเงื่อนไขที่สำคัญคือ จะต้องมีการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ภายในประเทศ เพื่อชดเชยการนำเข้า เช่น กรณีมาตรการอีวี 3.5 กำหนดว่า ภายในปี 69 จะต้องผลิตลดเชยการนำเข้าในอัตรา 2 เท่าของจำนวนที่นำเข้า และภายในปี 70 จะเพิ่มเป็น 3 เท่า หากไม่สามารถทำได้ตามเงื่อนไขนี้เงินที่ได้รับการอุดหนุนจะต้องคืนแก่รัฐ อย่างไรก็ตาม การกำหนดมาตรการการผลิตในประเทศชดเชยการนำเข้าดังกล่าว ซึ่งภาครัฐ ไม่คาดคิดว่า การแข่งขันตลาดรถอีวีจะรุนแรง ทั้งตัดราคาและรถอีวีล้นตลาด
สำหรับกรณีปัญหาค่ายรถยนต์ เนต้า ที่ไม่สามารถผลิตรถอีวีภายในประเทศ ชดเชยได้ตามเงื่อนไขมาตรการอีวี 3.0 นั้น ทางเนต้า ได้แจ้งมาขอเข้ามาตรการอีวี 3.5 เพื่อขยายระยะเวลาการผลิตชดเชยแล้ว แต่จะต้องนำเข้าคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด อีวี) เพื่ออนุมัติ เนื่องจาก บริษัทที่เข้าร่วมทำสัญญาตามมาตรการอีวี 3.0 และ 3.5 เป็นคนละบริษัท และเป็นคนละคู่สัญญาที่เคยทำไว้กับกรมสรรพสามิต