นับเป็นอีกแปลงที่ดินประวัติศาสตร์ของไทย สำหรับ “ล้ง 1919” แลนด์มาร์กท่องเที่ยวดังริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านคลองสาน ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนในละแวกนั้น ชื่อ โกดังบ้าน “หวั่งหลี” ที่ดินฝั่งธนบุรี ซึ่งตามโลเคชั่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะอยู่ตรงกันข้ามกับย่าน ทรงวาด - ตลาดน้อย - เยาวราช เชื่อมประวัติศาสตร์ไทย-จีน อย่างมีเสน่ห์
ตามข้อมูลปรากฎ "ล้ง" มีประวัติยาวนาน ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2393 หรือ ค.ศ.1850 โดย พระยาพิศาลศุภผล (ชื่น พิศาลบุตร) ต้นตระกูลพิศาลบุตร คนจีนในแผ่นดินไทย
เรียกได้ว่าในยุคนั้น เป็นท่าเรือกลไฟสำคัญ และโกดังสินค้าขนาดใหญ่ สำหรับรองรับเรือสินค้าจากหัวเมืองประเทศต่าง ๆ มลายู สิงคโปร์ จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง บนเนื้อที่ โดยท่าเรือนี้ มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ พร้อมพื้นที่อาคาร 6,800 ตารางเมตร
ก่อนต่อมา ตระกูล “หวั่งหลี” ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวโครงการ “ล้ง 1919” (LHONG 1919) บูรณะเชิงอนุรักษ์ท่าเรือที่มีสภาพทรุดโทรมมาอย่างยาวนาน ให้เป็นจุดหมายปลายทาง การท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยชูจุดขายศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อช่วงปี 2559
อย่างไรก็ตาม แปลงที่ดินประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งนี้ กำลังจะเปิดตำนานบทใหม่ หลังกลุ่มทุนสำคัญ อย่าง AWC บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) อสังหาริมทรัพย์มูลค่านับแสนล้าน ในเครือ ทีซีซีกรุ๊ป ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” เข้ามารับลงนาม สัญญาเช่าที่ดิน ที่ตั้งของล้ง 1919 จากตระกูลหวั่งหลี เมื่อช่วงปี 2564 จนถึงปี 2628 (รวม 64 ปี)
ซึ่งล่าสุดปรากฎความคืบหน้าในการพัฒนาต่อยอด “ล้ง 1919” แล้ว โดยวานนี้ (9 มิ.ย.2568) AWC โดย “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC ร่วมคณะผู้บริหาร ลงเสาเอก เพื่อก่อสร้าง “โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์”
ซึ่งจะถือเป็นโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาล่าสุด กับความเป็นไปได้ของไฮไลต์ Presidential Suite ที่มีราคาห้องพัก/คืน แพงที่สุดในประเทศไทย มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2571 ชู Story ศิลปะและสถาปัตยกรรมที่บอกเล่าประวัติศาสตร์อันสำคัญของชาติ เชื่อมโยงการท่องเที่ยว 2 ฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับรายละเอียดสำคัญของ เสาเอก “โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์” (The Ritz-Carlton Bangkok, The Riverside) ผู้บริหาร AWC เผยว่า จะเป็นการลงทุนส่วนหนึ่ง ภายใต้โครงการ AWC River Journey Project มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
ด้วยแนวคิด การอนุรักษ์และสร้างสรรค์แหล่งมรดกวัฒนธรรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปรับโฉม “เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น” ไปสู่ โรงแรมระดับลักชัวรี และ ศูนย์กลางด้านการบริการครบวงจรระดับโลก เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ (กระเป๋าหนัก และ มองหาประสบการณ์)
ผ่านการดึงพันธมิตร อย่าง “แมริออท อินเตอร์เนชันแนล” เพื่อนำแบรนด์ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับอัลตร้าลักชัวรีที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาพัฒนาโครงการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โดยเป้าหมายต้องการผลักดันให้เป็น รีสอร์ตระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของภาครัฐในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยผ่านการสร้างแลนด์มาร์กด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก และต่อยอดกลยุทธ์ทางธุรกิจ ในการเชื่อมโยงประสบการณ์ของกลุ่มลูกค้า
“โครงการนี้ จะเชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางผ่านโครงการ AWC River Journey Project เชื่อมโยงแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมริมสายน้ำเจ้าพระยา ถนนทรงวาด เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ปากคลองตลาด และโครงการในอนาคตอย่างเวิ้งนครเกษม เยาวราช ”
สำหรับไฮไลต์โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ผู้บริหาร AWC เผยกับ Thairath Money ว่า ด้วยความคึกคักของภาคการท่องเที่ยวไทย และ ฐานลูกค้าของ AWC ทั่วโลก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ประกอบกับความแตกต่าง ประสบการณ์ที่ผู้เข้าพักจะได้รับการโครงการนี้
ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของโครงการ การท่องเที่ยวยั่งยืนที่ผสานการอนุรักษ์วัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของชุมชน และมาตรฐานการบริการระดับสากลเข้าไว้ด้วยกัน อาจเป็นไปได้ ที่ Presidential Suite ชั้นบนสุด จะสามารถทำราคาเข้าพักต่อคืนได้แพงที่สุดในประเทศไทย (ปัจจุบันอยู่ที่ 300,000 บาท/คืน)
โครงการนี้ ประกอบไปด้วย อาคารหลักสูง 20 ชั้นประกอบไปด้วยห้องพักระดับลักชัวรี ห้องอาหารรูฟท็อปพร้อมวิวแบบพาโนรามา ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ และห้องอาหารอีกหลากหลายแห่ง
ในขณะที่อาคารเก่าแก่สองหลังจะได้รับการบูรณะเป็นห้องพักเพิ่มเติม พร้อมห้องอาหาร และศูนย์สุขภาพขนาดใหญ่ รวมห้องพักทั้งหมด 167 ห้อง ในขณะที่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำอาคาร Shophouse ฝั่งทรงวาด จะได้รับการพัฒนาเป็นห้องพักที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน
เพื่อมอบประสบการณ์พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศวัฒนธรรมไทย-จีนริมฝั่งเจ้าพระยาอย่างแท้จริง ทำให้โครงการมีห้องพักรวมทั้งหมด 191 ห้อง โดยทั้งสองพื้นที่จะเชื่อมต่อถึงกันด้วยบริการเรือไฟฟ้าเพื่อการเดินทางที่สะดวกและไร้รอยต่อด้วย
ทั้งนี้ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล คือ บริษัทผู้นำด้านที่พักระดับโลกโดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเบเทสด้า รัฐแมรีแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโรงแรมในเครือมากกว่า 9,300 แห่ง ภายใต้ 30 แบรนด์ชั้นนำมากกว่า 144 ประเทศ
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney