ตลอดระยะเวลา 11 ปี ที่ผ่านมา โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยการนำองค์ความรู้ “วิถีชุมชนพัฒน์ หรือ TSI Way” ผสมผสานร่วมกับแนวคิดภูมิปัญญาชุมชนไป
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้นำตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ได้ริเริ่มโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์”
สืบเนื่องจากการที่โตโยต้าเล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมุ่งหวังที่จะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานของธุรกิจชุมชนไทยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มพูนกำไร และดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกันโตโยต้ายังเห็นว่าหลัก “วิถีแห่งโตโยต้า” “ระบบการผลิตแบบโตโยต้า” และปรัชญา “ลูกค้าเป็นที่หนึ่ง” ซึ่งเป็นองค์ความรู้ของโตโยต้าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาประยุกต์ใช้สร้างความเติบโตแก่องค์กร และบริษัทคู่ค้า
เพื่อเป็นการขยายผลการนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สังคมไทย บริษัท จึงได้เกิดแนวคิดในการนำนวัตกรรมทางความคิดเหล่านี้มาถ่ายทอดสู่ธุรกิจชุมชน เพื่อพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอันจะเป็นการพัฒนารากฐานด้านเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ตลอดระยะเวลา 11 ปี ที่ผ่านมา โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยการนำองค์ความรู้ “วิถีชุมชนพัฒน์ หรือ TSI Way” ผสมผสานร่วมกับแนวคิดภูมิปัญญาชุมชนไป
ประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของธุรกิจชุมชนนั้นๆ และพัฒนาธุรกิจชุมชนให้มีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2568 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยได้เปิด “ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7” ณ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน มีผลิตภัณฑ์ทุเรียนทอดภายใต้ชื่อแบรนด์ “ป้าแกลบ” เป็นสินค้าขึ้นชื่อในจังหวัด
ทั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่ ได้เข้าร่วมกิจกรรมปรับปรุงธุรกิจภายใต้โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ในปี พ.ศ.2565 โดยโตโยต้าได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” ด้วยการนำแนวคิด “วิถีชุมชนพัฒน์ หรือ TSI Way” ผสมผสานร่วมกับภูมิปัญญาชุมชน ไปประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของวิสาหกิจฯ และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น
เริ่มจากการเข้าไปศึกษาดูกระบวนการทำงานจริงของวิสาหกิจฯ มองหาความสูญเปล่าในการดำเนินงานและปรึกษาหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน พร้อมแนะนำวิธีการปรับปรุงพัฒนากระบวนการทำงานต่างๆ โดยใช้องค์ความรู้ด้านการผลิตของโตโยต้า ตลอดจนส่งเสริมการสร้างมาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจใน 5 ด้านหลัก ทั้งในด้านผลิตภาพ (Productivity) คุณภาพ (Quality) การส่งมอบสินค้าที่ตรงเวลา (Delivery) การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory) และต้นทุนในกระบวนการ (Work in process) ซึ่งมีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของวิสาหกิจฯ มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพ และสร้างผลกำไร พร้อมทั้งมุ่งหวังให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดและพัฒนาอย่างยั่งยืน
โตโยต้าได้ส่งมอบโครงการแก่ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” ภายหลังการปรับปรุงเสร็จสิ้นเมื่อเดือน ส.ค.ปี 2565 และได้ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พบว่า วิสาหกิจฯยังคงรักษาวัฒนธรรมการปรับปรุงและพัฒนาด้วยตนเองตามหลัก “วิถีชุมชนพัฒน์” อย่างต่อเนื่อง มีการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริหารการดำเนินงานได้อย่างมืออาชีพ สามารถส่งมอบสินค้าได้ตรงเวลา 100% นอกจากนี้ วิสาหกิจฯยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการปรับปรุงพื้นที่ดูงาน และการติดตั้งเครื่องร่อนคัดเกรดทุเรียน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานอีกด้วย
จากศักยภาพดังกล่าว บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศ จึงเห็นชอบในการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ “โตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์” แห่งที่ 7 ต่อจากศูนย์การเรียนรู้ 6 แห่ง ที่จังหวัดกาญจนบุรี ขอนแก่น เชียงราย สงขลา ชลบุรี และสระบุรี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการแบ่งปันประสบการณ์การปรับปรุงธุรกิจแก่ผู้ประกอบการที่สนใจในภาคตะวันออกและพื้นที่ใกล้เคียง ได้นำไปใช้ปรับปรุงธุรกิจของตนต่อไป
ทั้งนี้ โตโยต้ามุ่งหวังให้ศูนย์การเรียนรู้ฯแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการถ่ายทอดแนวคิดในการปรับปรุงธุรกิจ ส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กลุ่มธุรกิจชุมชนทั่วประเทศ สามารถนำไปต่อยอดในการขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองและสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไป.
เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ
คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม