เปิดโปรไฟล์ตัวเต็ง "ผู้นำคนใหม่" วังบางขุนพรหม!

เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา หลังการปิดรับสมัครผู้สนใจเข้ารับการคัดเลือกในตำแหน่ง “ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” (ธปท.) คนที่ 22 ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทน “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการคนปัจจุบัน ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 30 กันยายน 2568 นี้

คณะกรรมการคัดเลือกฯ แถลงว่า มีผู้สนใจสมัครทั้งสิ้น 7 คน เป็นผู้ชาย 5 คน และผู้หญิง 2 คน ซึ่งหากจะดูจากชื่อชั้นโปรไฟล์แล้ว ถือว่า “มีของ” และเป็นยอดยุทธ์ในวงการทั้งสิ้น นอกจากนั้น ยังมีกระแสข่าวที่อ้างอิงถึงแรงเชียร์หรือ “แบ็กอัป” ของผู้สมัครที่เข้าขั้นไม่ธรรมดาจากฟากฝั่งการเมือง “ทีมเศรษฐกิจ” ได้รวบรวมโปรไฟล์ของผู้สมัครที่ถือว่าเป็นแคนดิเดตที่น่าสนใจ ว่า ใครเป็นตัวเต็ง ม้ามืด ใครมาแรงแค่ไหนที่จะชิงเก้าอี้ “ผู้ว่าการคนใหม่ของวังบางขุนพรหม”

ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธปท. “ลูกหม้อ” ของ ธปท.ที่ได้รับแรงเชียร์จากทั้งคนใน ธปท.และนายธนาคารพาณิชย์ ด้วยเห็นว่ามีความสามารถที่ครบเครื่อง ผ่านงานทั้งฝ่ายนโยบายการเงิน ตลาดการเงิน การกำกับดูแลสถาบันการเงิน และการ บริหารองค์กร นอกจากนั้น ดร.รุ่งยังเคยสัมผัสงานบริหารธนาคารพาณิชย์ ในฐานะรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และขณะนี้กำลังผลักดันการสร้าง “ภูมิทัศน์ภาคการเงินไทย” เพื่อแก้จุดอ่อนของระบบการเงินของคนไทยที่มีหนี้ครัวเรือนสูงมาก และเข้าไม่ถึงสินเชื่อ

ด้านการศึกษา ดร.รุ่ง จบปริญญาตรี ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาเอก ด้านเศรษฐศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา

“การทำงานของธนาคารกลางยุคใหม่จะท้าทายขึ้น เราต้องเข้าใจคนอื่นๆด้วยว่า เขาก็เผชิญกับปัญหาข้อจำกัดที่ทำให้โจทย์ของเขายากขึ้น เรายังเป็นตัวของตัวเองได้ แต่ต้องเข้าใจว่าคนอื่นก็ต้องดิ้นรนมากขึ้น เราต้องสนับสนุนเขาในสิ่งที่เราทำได้” ดร.รุ่งกล่าว

ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ นักเศรษฐศาสตร์ “คนแรก” ที่มีความมุ่งมั่นและประกาศชัดเจนว่าจะสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.โดยได้ลาออกจากตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อเตรียม “แนวนโยบายและวิสัยทัศน์” ท่ามกลางกระแสข่าวแรงหนุนแรงเชียร์จากกลุ่มที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือกลุ่มที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก

ดร.สมประวิณ จบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of Maryland at College Park สหรัฐอเมริกา สั่งสมประสบการณ์ทำงานทั้งในภาคเอกชน ในแวดวงการเงิน ภาควิชาการ เคยเป็นรองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งในภาครัฐ โดยปัจจุบันเป็นกรรมการสภาพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ทำให้มีจุดแข็งทั้งความเข้าใจบริบทของเศรษฐกิจไทยและสามารถเชื่อมโยงนโยบายสาธารณะได้เป็นอย่างดี

เมื่อรวมกันแล้ว จึงทำให้ ดร.สมประวิณ ถือเป็นผู้สมัครที่เข้าข่ายต้อง “จับตา” คนหนึ่งเลยทีเดียว

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล นายธนาคาร นักเศรษฐศาสตร์ และอดีตรัฐมนตรี ดาวเด่นทั้งในด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค และตลาดทุน นักเรียนทุน ธปท.ดีกรีปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์มหภาค และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) และจบปริญญาตรีคณิตศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ Williams College สหรัฐอเมริกา หลังกลับมาใช้ทุนที่ ธปท.นาน 14 ปี ก็ผันตัวไปรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

ขณะที่ในเส้นทางการเมือง ดร.กอบศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในช่วงปี 2559-2560 ก่อนที่จะขึ้นเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วงปี 2560-2562 ขณะที่ตำแหน่งล่าสุด ก่อนที่จะสมัครชิงผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ คือ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และช่วงที่ผ่านมาเคยมีคนในรัฐบาลนี้เอ่ยปากว่า “เหมาะกับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.”

“ในฐานะที่เราเติบโตมาได้จนถึงวันนี้ เพราะแบงก์ชาติ เราจึงมีความมุ่งมั่น และพันธะทางใจที่จะต้องทำเพื่อตอบแทนแบงก์ชาติ และเป็นสิ่งที่ดีที่จะใช้ความรู้ ความสามารถในการดูแลเศรษฐกิจประเทศ” ดร.กอบศักดิ์กล่าว

ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ชื่อที่มีกระแสแรงมาตั้งแต่ช่วงแรกๆของการเปิดรับสมัคร จากโปรไฟล์ที่โดดเด่นในแวดวงการเงินการธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเสียงฮือฮาจากนาม สกุล “อมรวิวัฒน์” ที่ถือว่าคร่ำหวอดและมีพลังในแวดวงการเมือง รวมทั้งยังมีลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ในรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่ยังมีกระแสข่าวลอยมาด้วยว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองใหญ่ในรัฐบาลสนับสนุน

ดร.สุทธาภา ได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวง จบการศึกษาปริญญาตรี คณิตศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ การบริหารและนโยบาย สถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ (MIT) สหรัฐอเมริกา เคยทำงานเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ประจำกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ทำงานในกลุ่มการเงินไอเอ็นจี เนเธอร์แลนด์ ในภาครัฐเคยรับตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และล่าสุดได้ลาออกจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด เพื่อลงสมัครในครั้งนี้ ทั้งหมดนี้ ทำให้มีหลายกระแสจับจ้องมาที่ ดร.สุทธาภา ในฐานะหนึ่งในผู้สมัครที่มีโอกาสเข้าวิน

วิทัย รัตนากร ถือเป็นม้ามืดตัวจริง เพราะตัดสินใจที่จะสมัครในช่วงไม่กี่วันสุดท้าย หลังได้รับการทาบทามจากผู้ใหญ่ที่เคารพ ซึ่งว่ากันว่าเป็นระดับ “ซุปเปอร์บิ๊ก” และถือว่าเป็นกรณี “คดีพลิก” จากช่วงก่อนหน้าที่มีข่าวว่ามีผู้ใหญ่ในกระทรวงการคลังชักชวนให้สมัคร แต่ “วิทัย” ยังไม่ตอบรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งการตัดสินใจสมัครของ “วิทัย” ในครั้งนี้ ทำให้การแข่งขันในครั้งนี้ดุเดือดมากขึ้น และ “วิทัย” กลายเป็นหนึ่งใน “ตัวเต็ง” ทันที

ด้านการทำงาน “วิทัย” ก็ไม่ได้ด้อยว่าคนอื่น ทั้งที่บริษัทหลักทรัพย์ภัทร CFO สายการบินนกแอร์ เคยถูกส่งไปช่วยที่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาฐานะการเงิน เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และล่าสุดในตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ที่มีผลงานช่วยให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งทุนมากขึ้น และการแก้หนี้ครัวเรือน ขณะที่ด้านการศึกษา “วิทัย” จบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และปริญญาโทถึง 3 ใบ คือ ในสาขาเศรษฐศาสตร์การเมือง สาขากฎหมายธุรกิจ จากจุฬาฯ และปริญญาโทการเงิน จาก Drexel University สหรัฐอเมริกา

การทำงานที่รับกับนโยบายรัฐ ช่วยคิดมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ กล้าตัดสินใจ กล้าแตกต่าง ส่งให้ “วิทัย” เข้าตาการเมืองในยุคนี้

ขณะที่อีกผู้สมัคร 2 คน ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักมายาวนาน จากการนำเสนอความเห็นทางเศรษฐกิจและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้กลับมาสมัครผู้ว่าการ ธปท.เป็นสมัยที่ 2 และ วิกรานต์ ศุภมงคล หลานชายของกันตธีร์ ศุภมงคล อดีต รมว.ต่างประเทศ ประธานกรรมการใหญ่ของบริษัท ทูแคปปิตอล จำกัด ซึ่งทำธุรกิจการบริหารโครงการขนาดใหญ่ให้กับหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ

จากนี้คงจะต้องจับตาการสัมภาษณ์ และแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครแต่ละคนในวันที่ 24 มิ ย.นี้ รวมทั้งวัดพลังภายในจากค่ายต่างๆที่ทั้งผลักทั้งหนุน โดยคณะกรรมการคัดเลือกจะเสนอ รายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้าย 2 รายชื่อต่อ รมว.คลังในวันที่ 2 ก.ค.นี้.

อ่านคอลัมน์ "สกู๊ปเศรษฐกิจ" ทั้งหมดที่นี่