อคส.อุทธรณ์ยกฟ้องคดีถุงมือยาง คดีแพ่งส่อชวดเงินชดใช้หลัง "รุ่งโรจน์" ล้มละลาย

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

อคส.อุทธรณ์ยกฟ้องคดีถุงมือยาง คดีแพ่งส่อชวดเงินชดใช้หลัง "รุ่งโรจน์" ล้มละลาย

Date Time: 3 มิ.ย. 2568 06:30 น.

Summary

อคส. ประสานอัยการอุทธรณ์ต่อ หลังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง “พ.ต.ท.รุ่งโรจน์” และพวกรวม 21 ราย กรณีซื้อถุงมือยาง ขณะที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ เห็นแย้ง ไม่ควรยกฟ้อง เพราะจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ และได้ประโยชน์ลดหลั่นกันไป ส่วนคดีแพ่ง อคส. ฟ้องพนักงาน 7 รายชดใช้ 2 พันล้านบาทรวมดอกเบี้ย

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

นายธิรินทร์ ณ ถลาง ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 68 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาคดีระหว่างอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพ.ต.ท.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน กรณีอคส. จัดซื้อถุงมือยาง โดยจ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจำเลยทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหา และศาลฯ ยกฟ้องว่า คณะอนุกรรมการกฎหมายของอคส. ได้ประชุมในเรื่องนี้ เพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป และได้ประสานขอให้พนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์แล้ว

ด้านนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต อดีตผู้อำนวยการอคส. ว่า วันแรกที่ทำงานตำแหน่งผู้อำนวยการอคส. วันที่ 10 ก.ย. 63 พบว่า อคส. เกิดความเสียหายถึง 2,000 ล้านบาท ซึ่งเหลือเชื่อมากว่า เงินสะสมกว่า 10 ปีหายไปภายในไม่กี่วัน และตลอด 3 ปีครึ่งที่ดำรงตำแหน่งได้ติดตามทรัพย์สินคืนให้ได้มากที่สุด รวมถึงดำเนินการให้ลงโทษผู้กระทำผิดทุกช่องทาง

“กราบขอบพระคุณท่านอธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ให้ความเห็นแย้งไว้ ซึ่งเป็นทำให้ผมและคณะมีกำลังใจดำเนินตามวิถีทางที่ถูกต้องต่อไป เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งอุทธรณ์ในเวลาที่กำหนด เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะตอนนี้ เจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งคงสับสนว่าการฝ่าฝืนระเบียบ กฎหมาย และข้อบังคับอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงนั้น ไม่มีความผิดทางอาญาจริงหรือไม่ และเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องต่อไป”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องพ.ต.ท.รุ่งโรจน์ กับพวกรวม 21 คน เพราะพฤติกรรมการจัดซื้อถุงมือยาง เป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานรัฐและประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 68 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง แต่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีความเห็นแย้ง เพราะเมื่อพิจารณาแล้ว พบว่า การจัดซื้อถุงมือยาง ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออคส. แม้ติดตามเงินกลับคืนมาได้ แต่ยังเหลืออีกกว่า 1,000 ล้านบาทที่ไม่สามารถติดตามคืนมาได้ ซึ่งพ.ต.ท.รุ่งโรจน์ เจ้าหน้าที่อคส. ที่ถูกฟ้อง และบริษัทคู่สัญญาบางราย มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดความเสียหายนี้ ส่วนจำเลยที่เหลือ ก็มีบทบาทที่ทำให้อคส. เสียหายลดหลั่นกันลงมา และได้ประโยชน์จากการกระทำผิดลดหลั่นกันไป

ดังนั้น จำเลยแต่ละคนต้องมีความรับผิด หรือโทษทางอาญาหนักหรือเบาเพียงใด หรือรอลงอาญาหรือไม่ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง หรือขั้นตอนที่ต้องพิจารณาตามสัดส่วน แต่ศาลคดีอาญาฯ ไม่ควรยกฟ้องจำเลยทุกคน เพราะเกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเกิดจากพฤติการณ์ที่ไม่สุจริต อันถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

สำหรับคดีแพ่ง ก่อนหน้านี้ อคส. ได้ฟ้องพนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐรวม 7 ราย ความเสียหาย 2,000 ล้านบาท และดอกเบี้ยราว 3 ล้านบาท โดยรายที่ 1-4 ฟ้องรายละ 400 ล้านบาท และรายที่ 5-7 รวมกัน 400 ล้านบาท แต่ศาลพิพากษาให้รายที่ 3-4 ชดใช้คนละ 360 ล้านบาท และรายที่ 5-7 รวมกัน 360 ล้านบาท หรือคนละ 120 ล้านบาท เพราะอคส. ได้รับเงินคืนแล้ว 200 ล้านบาท ขณะที่รายที่ 1 ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ได้โอนคดีไปยังศาลปกครอง ส่วนรายที่ 2 คือ พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ เป็นบุคคลล้มละลายตั้งแต่ปลายปี 65


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ