
น.ส. ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการ BDI เปิดเผยว่า BDI มีบทบาทในการทำให้ข้อมูลของประเทศ จากทุกภาคส่วน ไม่เพียงถูกจัดเก็บอย่างมีระบบ แต่สามารถนำไปใช้งานได้จริง เป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบาย ยกระดับบริการสาธารณะ และพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
.ลุยบิ๊กดาต้าสุขภาพ-ท่องเที่ยว-ฝุ่น
เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา BDI ได้เริ่มวางระบบข้อมูลของประเทศ ผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ 1.Health Link การเชื่อมข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มกลางแลกเปลี่ยนข้อมูลประวัติการรักษาระหว่างโรงพยาบาล ช่วยแก้ปัญหาการรักษาข้ามโรงพยาบาลซึ่งไม่เคยมีประวัติผู้ป่วย การเชื่อมข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ นอกจากจะช่วยการรักษามีประสิทธิภาพ ตรงจุดมากขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลา ประหยัดเงินค่าตรวจรักษาโรคที่ซ้ำซ้อน ทำให้การส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่นทำได้สะดวกขึ้น
โดยขณะนี้เชื่อมโยงข้อมูลโรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยาแล้วร่วม 2,000 แห่ง และมีเป้าหมายขยายเพิ่มอีกจากเครือข่ายสาธารณสุขกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ โดยโปรเจ็กต์ถัดไปจะเป็นการต่อยอดร่วมกับกรุงเทพมหานคร ซึ่งกำลังทำโครงการตรวจสุขภาพ 1 ล้านคน โดยจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ Health Analysis หาทางวางแผนสาธารณสุข ป้องกันการเจ็บป่วย ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหลังประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย
2. Travel Link การเชื่อมโยงข้อมูลท่องเที่ยวภายใต้ความร่วมมือของรัฐและเอกชน ประกอบด้วยแดชบอร์ดข้อมูลท่องเที่ยวมากกว่า 150 แดชบอร์ด ทำให้เอกชนติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยว ผ่านตัวเลขเชิงสถิติที่บ่งบอกถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยว การเดินทางเข้าออกในทุกด่านทั่วประเทศ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ช่วยให้การวิเคราะห์แนวโน้มระดับประเทศทำได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันถูกใช้งานโดยเอกชนหลายราย ได้แก่ ห้างสยามพารากอน สนามบิน
ในอนาคตอันใกล้ BDI ยังมีแผนของบกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนา Chat Bot สนับสนุนการท่องเที่ยว ตอบคำถามนักท่องเที่ยว 5 สัญชาติที่มีแนวโน้มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยให้นักท่องเที่ยววางแผนเดินทางได้ง่ายขึ้น โดยเชื่อว่า BDI มีฐานข้อมูลหน่วยงานภายในประเทศครอบคลุมว่าเว็บไซต์เพื่อการค้นหา(Search Engine)ทั่วไป
3. Envi Link ระบบบัญชีข้อมูลเชิงสิ่งแวดล้อม (Environmental Data Catalog) เพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาและการติดตามสภาพแวดล้อมหรือปัญหาจากภัยธรรมชาติ เบื้องต้นได้รวบรวมข้อมูลมลพิษในอากาศ เน้นข้อมูลฝุ่น PM 2.5 ตามความต้องการของคณะกรรมการร่างกฎหมายมลพิษทางอากาศ มีข้อมูลฝุ่นระดับพื้นที่ รวมไปถึงข้อมูลการเผาและขอเผาพื้นที่เกษตรกร ซึ่งสามารถตรวจสอบไปถึงการลักลอบเผาจากข้อมูลผ่านดาวเทียม
น.ส.ธีรณี กล่าวถึงทิศทางต่อไปของ BDI ว่า คือการขับเคลื่อนประเทศด้วยบิ๊กดาต้าและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ แพลตฟอร์มการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (ดีทู), ThaiLLM โครงสร้างพื้นฐาน AI ภาษาไทยแบบโอเพนซอร์ส และการพัฒนากำลังคนด้านข้อมูลและ AI
.ประเดิมรวบตึงข้อมูลบัตรสวัสดิการรัฐ
เริ่มจาก ดีทู (Data Integration and Intelligence Platform หรือ D-II) คือโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงาน ซึ่งทั้ง Health Link, Travel Link และ Envi Link คือส่วนหนึ่งของดีทู การบูรณาการข้อมูลดังกล่าวจะทำให้การวางแผนเชิงนโยบายมีประสิทธิภาพ ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Nation) อย่างแท้จริง และยังมีแดชบอร์ดและเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึก ช่วยตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลจริง หน่วยงานประเดิมใช้งานดีทู คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ซึ่งจะบูรณาการข้อมูลสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่เกือบ 20 หน่วยงาน 80 กว่าโครงการ เพื่อให้การสนับสนุนเงินแก่คนกลุ่มนี้ไม่ซ้ำซ้อนอีกต่อไป
นอกจากนี้ BDI ยังจะเดินหน้าร่วมพัฒนา ThaiLLM หรือ Thai Large Language Model โครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์สำหรับภาษาไทย แบบโอเพ่นซอร์ส (Open Source/Open License) เพื่อให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และนักพัฒนา สามารถนำไปใช้งานและต่อยอดได้ในราคาที่ถูกลง เพราะรัฐลงทุนส่วนใหญ่ให้หมดแล้ว
“ปัจจุบันโครงการ ThaiLLM ดำเนินการกว่า 3 เดือน รวบรวมข้อมูลภาษาไทยแล้วเสร็จ มีการพัฒนาและใช้งาน ThaiLLM Data Bank ซึ่งมีปริมาณข้อมูลภาษาไทยมากกว่า 245GB และดำเนินการให้อยู่ในรูปแบบของโทเคนได้ประมาณ 55 ล้านล้านโทเคน”
สุดท้าย คือ การเร่งพัฒนาศักยภาพกำลังคนควบคู่กันไป ผ่านการออกแบบร่างหลักสูตร เรียนรู้ด้าน AI และ LLM เพื่อเน้นการเรียนการสอน และการประเมินทักษะแบบ Micro-Credentials ที่เน้นความสามารถเฉพาะเจาะจง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในระดับภูมิภาค