
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือนเม.ย. 68 การส่งออกมีมูลค่า 25,625.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 857,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% เทียบเดือนเม.ย. 67 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ส่วนการนำเข้า 28,946.4 ล้านเหรียญฯ หรือ 980,655.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% ขาดดุลการค้า 3,321.3 ล้านเหรียญฯ หรือ 122,955.8 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปี 68 การส่งออก 107,157.4 ล้านเหรียญฯ หรือ 3.615 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% เทียบช่วงเดียวกันของปี 67 ส่วนการนำเข้า 109,397.8 ล้านเหรียญฯ หรือ 3.735 ล้านล้านบาท เพิ่ม 9.6% ขาดดุลการค้า 2,240.3 ล้านเหรียญฯ หรือ 120,250.6 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกเดือนเม.ย. 68 ที่เพิ่มขึ้นนี้ ตลาดส่งออกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสหรัฐฯ เพิ่ม 23.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19, อาเซียน เพิ่ม 15.0% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2, เอเชียใต้ เพิ่ม 8.7% โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7, สหภาพยุโรป เพิ่ม 6.1% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11, ญี่ปุ่น เพิ่ม 5.5% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2, จีน เพิ่ม 3.2% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
“การส่งออกที่โตเป็นตัวเลข 2 หลัก สะท้อนถึงความเข้มแข็งของภาคส่งออก และเศรษฐกิจไทย แม้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า ภาษีทรัมป์จะทำให้การส่งออกไทยตกฮวบ แต่ตัวเลขพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง และหากไทยเจรจาภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯ ได้สำเร็จ หรือเก็บภาษีจากไทยเท่ากับประเทศอื่น ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันได้อีกมาก หากไทยยังรักษาระดับมูลค่าการส่งออกในอีก 8 เดือนที่เหลือให้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 25,000 ล้านเหรียญฯ จะทำให้ทั้งปีเติบโตได้ 4% จากเป้าหมายที่ 2-3%”
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า การส่งออกไทยโต แต่ภาคการผลิตยังต่ำ โดยไตรมาส 1 ขยายตัว 0.6% ว่าการส่งออกปัจจุบันเป็นการส่งออกจากการผลิตเดิม ยังไม่รวมการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (พีซีบี) เพราะเพิ่งเริ่มสร้างโรงงาน ยังไม่เริ่มการผลิต หรือบางรายเริ่มผลิตแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งออก คาดว่าเร็วๆ นี้ เมื่อกลุ่มเหล่านี้ส่งออก จะช่วยผลักดันการส่งออกภาพรวมของไทย และเป็นการปรับโครงสร้างการผลิตและการส่งออกในระยะยาว ส่วนตัวเลขนำเข้าที่มากขึ้นจนทำให้ขาดดุลการค้า มองว่าเป็นการนำเข้าสินค้าทุน และวัตถุดิบ-กึ่งสำเร็จรูป มากถึงกว่า 80% ของการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งเป็นการนำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออก และจะส่งผลดีต่อการส่งออกในเดือนต่อๆ ไป ไม่ได้เป็นการนำเข้ามาเพื่ออุปโภคบริโภคในประเทศเป็นหลัก
นายพิชัย กล่าวต่อถึงการส่งออกข้าวไทยภายในงาน Thailand Rice Convention 2025 จัดโดยกรมการค้าต่างประเทศว่า คาดว่างานครั้งนี้จะมีคำสั่งซื้อข้าวไทยไม่น้อยกว่า 100,000 ตัน มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และผลักดันให้การส่งออกข้าวไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตัน สำหรับปัญหาการส่งออกข้าวไทย คือ อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว และทุ่มส่งออกถึง 63 ล้านตันๆ ละ 300 เหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 10,000 บาท ต่ำมาก ทำให้ราคาข้าวไทยอ่อนตัวลงตาม กระทรวงพาณิชย์ได้ช่วยเหลือเกษตรกรทุกทาง เช่น ลดราคาปุ๋ย ส่วนการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ รอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรที่ลงทะเบียนให้เสร็จก่อน จากนั้นจะสรุปผลให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า เดือนเม.ย. 68 และช่วง 4 เดือนแรก ไทยยังคงได้ดุลการค้าสหรัฐฯ และขาดดุลการค้าจีนต่อเนื่อง โดยได้ดุลการค้าสหรัฐฯ 13,994.7 ล้านเหรียญฯ และ 3,256.4 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ ส่วนจีนนั้น ไทยขาดดุลการค้า 5,271.4 ล้านเหรียญฯ และ 19,232.9 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดือนเม.ย. 68 ไทยส่งออกข้าว 588,686.9 ตัน มูลค่า 341.9 ล้านเหรียญฯ โดยปริมาณและมูลค่าลดลง 37.3% และ 44.1% ตามลำดับ จากเดือนเม.ย. 67 ที่ส่งออกได้ 939,349 ตัน มูลค่า 611.3 ล้านเหรียญฯ ส่วนช่วง 4 เดือนปีนี้ ส่งออก 2.393 ล้านตัน มูลค่า 1,482 ล้านเหรียญฯ ปริมาณและมูลค่าลดลง 30.5% และ 34.1% ตามลำดับ จากช่วงเดียวกันของปี 67