"บีโอไอ”อัดมาตรการกู้ชีพจรเอสเอ็มอี อนุมัติลงทุน9.9หมื่นล้าน

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ท่ีประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ได้อนุมัติให้บีโอไอ 7 โครงการ รวม 99,727 ล้านบาทอาทิ บริษัท บริดจ์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ไอไอไอ (ประเทศไทย) จำกัด เงินลงทุน 14,452 ล้านบาท บริษัท กาแล็คซี่ พีค ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เงินลงทุน 23,553 ล้านบาท บริษัท กาแล็คซี่ ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เงินลงทุน 22,313 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังได้เห็นชอบ มาตรการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการ เพื่อรองรับโลกยุคใหม่ ยกระดับเอสเอ็มอี เพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการการค้าของสหรัฐฯใน 4มาตรการ อาทิ1. ส่งเสริมให้ เอสเอ็มอี ปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยออกมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นให้ เอสเอ็มอี ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร การใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีดิจิทัล การประหยัดพลังงาน รวมทั้งเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ เอสเอ็มอี จากเดิมยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี ในวงเงินไม่เกิน50 %ของเงินลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นยกเว้นภาษีเงินได้ 5 ปี วงเงิน100%

ท่ีประชุมยังให้บีโอไอไป กำหนดมาตรการ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศ และการส่งเสริมการร่วมทุน ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการต่างชาติ ร่วมมือกับผู้ประกอบการ ไทย เพื่อช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับคนไทย และได้เห็นชอบ มาตรการส่งเสริมการลงทุน กิจการด้านการท่องเที่ยวในเมืองรอง อาทิ กิจการสร้างแหล่งท่องเที่ยว ขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ สวนสนุก ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์เปิด ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ หอประชุมขนาดใหญ่ ท่าเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ บริการที่จอดเรือท่องเที่ยว สนามแข่งขันยานยนต์ กระเช้าไฟฟ้า รถรางไฟฟ้า เพื่อการท่องเที่ยว หากเป็นการลงทุนตั้งสถานประกอบการ ในเมืองรอง 55 จังหวัด ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม จากเดิม 5 ปี เป็น 8 ปี  กิจการโรงแรม หากตั้งในเมืองรอง 55 จังหวัด ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จากเดิม 3 ปี เป็น 5 ปี  

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น ภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ว่า อยู่ที่ระดับ 89.9 ปรับตัวลดลง จาก 91.8 ในเดือนมี.ค.เป็นผลจากการผลิตภาคอุตสาหกรรม ชะลอตัวจากวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้จำนวนวันทำงานลดลง ประกอบกับมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ กระทบการส่งออก เช่น ภาษีนำเข้าเฉพาะกลุ่มสินค้า 25% ในกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนและอะไหล่ยนต์, เหล็กและอลูมิเนียม และการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ในสินค้าแผงโซลาร์เซลล์ 375% รวมถึงแผ่นดินไหว ส่งผลให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อ อสังหาริมทรัพย์แนวดิ่ง โดยดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า คาดว่า ปรับตัวลดลง อยู่ที่ระดับ 93.3 ลดลงจาก 95.7 ในเดือนมี.ค. และข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล มีอาทิ   เสนอให้ภาครัฐจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษา ด้านการตลาดและการส่งออกครบวงจร ในระดับภูมิภาคเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี ในการเข้าถึงตลาด.