
นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้อย่างมาก โดยปีงบประมาณ 68 ตั้งเป้าจัดเก็บรายได้ 2.372 ล้านล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ต.ค. 67-เม.ย. 68) จัดเก็บภาษีได้รวม 1.138 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 17,900 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 47,300 ล้านบาท และในปีนี้แนวโน้มการจัดเก็บภาษีจะติดลบด้วย โดยจะพยายามให้ต่ำกว่าเป้าหมายไม่เกิน 20,000 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้กรมจัดเก็บภาษีไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย มาจากรายได้จากภาษีปิโตรเลียมที่คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายราว 10,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจปิโตรเลียมได้นำผลขาดทุนสะสมมาหักออกจากรายได้ ทำให้เสียภาษีน้อยลง เช่นเดียวกันกับธุรกิจสถาบันการเงิน ที่แม้ว่าจะแสดงผลกำไรค่อนข้างจะสูง แต่มีการจ่ายภาษีน้อยลงกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากสถาบันการเงินมีการวางแผนภาษี โดยนำผลขาดทุนสะสมมาใช้ในปีนี้
นายปิ่นสายกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ผลของการจัดเก็บรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายของรัฐบาล ทำให้กรมสรรพากรต้องพยายามขยายฐานภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งในปีงบประมาณ 69 ต้องเพิ่มเป้ารายได้จากปีงบประมาณ 68 อีก 100,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 2.4 ล้านล้านบาท
สำหรับแผนการหารายได้เพิ่ม เบื้องต้นจะส่งเจ้าหน้าที่สำรวจธุรกิจที่ยังไม่เข้าระบบ และไม่ได้ทำการสำรวจมานานกว่า 5 ปี จากเดิมต้องสำรวจทุก 2 ปี โดยจะเริ่มใน 4 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร, ธุรกิจกลางคืน, ธุรกิจซื้อมาขายไปที่ใช้เงินสด, และธุรกิจร้านขายยา และยังอยู่ระหว่างพิจารณาการศึกษาการขยายฐานภาษีใหม่ๆ 4-6 รายการสินค้า เพื่อเพิ่มรายได้ เช่น ภาษีที่เก็บจากคนที่เดินทางไปต่างประเทศ, หรือแม้แต่การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ผลการศึกษาดังกล่าวขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล
“ผมขอย้ำว่าการลงพื้นที่สำรวจธุรกิจต่างๆ ไม่ได้เป็นการจับผิดเรื่องรายได้ แต่ต้องการให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในธุรกิจเดียวกันที่เข้าระบบภาษี”
นายปิ่นสายกล่าวว่า ส่วนข้อเสนอของ รมว.คลัง ให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับธุรกิจที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทนั้น ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบดำเนินการว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด ทั้งนี้ประเทศไทยเริ่มใช้ภาษี VAT กับธุรกิจที่มีรายได้ตั้งแต่ 120,000 บาทต่อปี มาตั้งแต่ปี 2535 และปรับเพิ่มเป็น 1.8 ล้านบาทต่อปีในปัจจุบัน แต่บางรายหลีกเลี่ยงภาษีด้วยการแยกย่อยบริษัทเพื่อทำให้รายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาท แต่หากจะนำระบบเหมาจ่ายมาใช้ ก็ต้องศึกษาความเหมาะสมอีกครั้ง