นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากที่การบินไทยได้เดินตามแผนฟื้นฟูกิจการมาอย่างดี ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 68 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 45,955 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.3% มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) 83.3% ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องมาจากปริมาณความต้องการการเดินทางของผู้โดยสารที่ยังเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทได้มีการขยายฝูงบิน เพิ่มความถี่เที่ยวบิน ส่งผลให้มีปริมาณขนส่งผู้โดยสารรวม 4.33 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.6% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 9,839 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าในการนำการบินไทยออกจากการฟื้นฟูกิจการ ภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 68 ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และได้ดำเนินการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 68 ส่งผลให้บริษัททำตามแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อ 28 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยศาลล้มละลายกลางกำหนดนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 4 มิ.ย. 68 อย่างไรก็ตามเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนคาดว่าการบินไทยจะกลับเข้าซื้อขายในตลาดฯ ได้ปลายเดือน ก.ค.-ต้นเดือน ส.ค. 68 นี้
นายปิยสวัสดิ์ ยังได้กล่าวต่อถึงขั้นตอนหลังจากที่การบินไทยกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดฯ และอำนาจผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ หมดลง และจะกลับไปที่บอร์ดการบินไทยชุดใหม่ว่า หลังจากนี้ก็ต้องมาดูว่าการทำหน้าที่ของบอร์ดการบินไทยชุดใหม่จะออกมาในรูปแบบไหนแต่ตนอยากให้เห็นการทำงานของบอร์ดการบินไทยที่เป็นอิสระไม่อยู่ภายใต้การแทรกแซงทางการเมือง ขณะเดียวกันหากผู้บริหารมีความรู้ความสามารถก็จะนำพาการบินไทยให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย
ในอดีตจะเห็นได้ว่าผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้ามาเป็นบอร์ดการบินไทยมักจะเข้ามาแล้วไปบริหารเอง เพราะคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าผู้บริหารการบินไทย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความชิบหาย เพราะกรรมการทุกคนคิดว่ารู้เรื่องธุรกิจการบินดี เคยนั่งเครื่องบิน จะต้องทำแบบนั้น แบบนี้ ทำให้ผู้บริหารการบินไทยเองเลิกคิด เลิกให้ความเห็น อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า บอร์ดการบินไทย 10 คน ยังไงความเห็นก็ไม่รอบคอบสู้ฝ่ายบริหารการบินไทยที่อยู่ในธุรกิจมาตลอดไม่ได้หรอก ดังนั้นเข้ามาแล้วต้องให้เกียรติผู้บริหารการบินไทย ฟังผู้บริหาร และเลือกคนที่ดีที่สุดมาบริหารบริษัทต่อไป
ด้านนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ของอุตสาหกรรมการบินหลังจากนี้ว่า จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมใครได้ การบินไทยเตรียมพร้อมรับมือความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม โดยเน้นรักษาสภาพคล่องเป็นหลัก ขณะนี้มีเงินสดในมือกว่า 124,000 ล้านบาท จากที่เคยมีเพียง 30,000 ล้านบาทในช่วงเริ่มแผนฟื้นฟู พร้อมขยายฝูงบินจาก 78 ลำ เป็น 80 ลำภายในสิ้นปีนี้ และอีกเกือบ 20 ลำในปี 2569–2570 จากการเช่าเครื่องบิน B787 และ A321neo เพื่อรองรับการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศ