
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จังหวัดนครพนม (ครม.สัญจร) เห็นควรวางแผนส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ได้แก่ นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร หรือกลุ่มจังหวัดสนุก โดยบูรณาการเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันในภูมิภาค โดยอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มผู้ประกอบการนักธุรกิจรุ่นใหม่ Young Entrepreneur Chamber of Commerce (YEC) เน้นจุดขายนักท่องเที่ยวระยะไกลจากภูมิภาคยุโรปและอเมริกา เพื่อมาเสริมนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวจาก สปป.ลาวและเวียดนาม เพื่อการกระจายรายได้ภาคการท่องเที่ยวตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี สำหรับจุดเด่นของพื้นที่กลุ่มจังหวัดสนุก ประกอบด้วย การท่องเที่ยวสายศรัทธาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและต้องเพิ่มสินค้าท่องเที่ยวใหม่ๆ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในพื้นที่ได้มีข้อเสนอแนะ อาทิ การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก จ.นครพนม ขอให้จัดพื้นที่ขนาดใหญ่ในการจัดกิจกรรม ตลอดจนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวสายศรัทธาเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในทุกๆ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ททท.จะใส่คำว่า “สนุก” เข้าไปในชื่อโครงการและใช้ จ.นครพนมเป็นศูนย์กลาง เพราะมีครบทั้งสนามบินและที่พัก ขณะที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดนี้จะเน้นกิจกรรม เทศกาล งานประเพณี และสินค้าท่องเที่ยวสายศรัทธาความเชื่อ โดย ททท. ได้ชูจุดขายไฮไลต์งานประเพณีและการท่องเที่ยวสายศรัทธา ได้แก่ ประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จ.สกลนคร งานบวงสรวงบูชาองค์พญาศรีสัตตนาคราช ในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี ของ จ.นครพนม อีกทั้งในช่วงเดือน ต.ค. ซึ่งตรงกับเทศกาลออกพรรษาถือเป็นช่วงไฮไลต์ของพื้นที่นครพนมและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างสกลนครและมุกดาหาร
นายชาญยุทธ อุปพงษ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (มุกดาหาร สกลนคร นครพนม) กล่าวว่า จ.นครพนม ถือว่าโชคดีเพราะเป็นสถานที่จัดการประชุม ครม.สัญจรแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งแรกสมัยนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม–คำม่วน) มูลค่า 1,200 ล้านบาท เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศซึ่งปัจจุบันทำให้การค้าขายข้ามแดนในพื้นที่นี้มีมูลค่าสูงเป็นหลักแสนล้านบาทต่อปี ต่อมามีการประชุม ครม.สัญจรในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เขื่อนกันแนวดินกันตลิ่งพังแทบจะตลอดลำน้ำโขง ที่ จ.นครพนม มีพื้นที่ติดลำน้ำโขง 160 กิโลเมตร รวมทั้งได้โครงสร้างพื้นฐานถนนหนทางหลายเส้น ส่วนครั้งนี้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ทาง จ.นครพนม ได้อนุมัติงบกลางฯ 150 ล้านบาท ให้ จ.นครพนม ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดท่องเที่ยว ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่และปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณริมแม่น้ำโขงเหนือเมืองนครพนมและพื้นที่ต่อเนื่อง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม ระยะที่ 1 วงเงิน 50 ล้านบาท โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอุทยานธรณีวิทยาและไดโนเสาร์ “Geo Park Center at Tha Uthen” 50 ล้านบาท โครงการสร้างอัตลักษณ์เมือง (DNA) และ Marketing ภายใต้ 5 Must (Visit, Eat, Shop, Mu, Rest) 20 ล้านบาท และโครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก 30 ล้านบาท “อยากให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนการสร้างอัตลักษณ์ที่ชัดเจนของชนเผ่า จ.นครพนมที่มีถึง 9 ชนเผ่า เพื่อสร้างจุดขายท่องเที่ยวชุมชน โดยเอกชนมีแนวคิดที่เพิ่มการท่องเที่ยวทางน้ำด้วยการล่องเรือระยะเวลา 70 กิโลเมตรและแวะเที่ยวตามชุมชนต่างๆ เพื่อสร้างสินค้าท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น”