คลังรับเข็นไม่ขึ้นโต 3% ปีนี้ นายกฯ ไม่ถอยจ่ออัดมาตรการ ลั่น“ทำเต็มที่”กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทย ถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะกระตุ้นจีดีพีว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ว่า รัฐบาลมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ซึ่งดำเนินการมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต และการดึงการลงทุนที่ตอนนี้ทำอยู่ ที่สำคัญที่ตนได้ประชุมกับสำนักงบประมาณก็ได้เร่งรัดการลงทุนภาครัฐ ซึ่งตอนนี้ได้เปอร์เซ็นต์สูงที่สุดแล้วในประวัติศาสตร์

"ไม่มีมาตรการไหนเลยที่เราดึงออก เราเต็มที่กับเรื่องนี้เพราะทราบดีว่าวิกฤติเศรษฐกิจไม่ใช่แค่ของประเทศเรา แต่เป็นวิกฤติทั่วโลก เราจะชะลอเรื่องไหนไม่ได้เลยต้องทำเต็มที่”

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช. คลัง กล่าวถึง กรณีที่ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้จาก 2.9% เหลือ 1.6% ว่า การปรับลดจีดีพีของไทยลงมามาก ถือว่าเร็วเกินไป เพราะว่าต้องดูผลกระทบของมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ดูความคืบหน้าการเจรจาก่อน ถึงจะรู้ผลกระทบที่เกิดขึ้นชัดเจน เมื่อถามว่าคลังจะมีการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจจากเป้าเดิมที่ 3% หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องมีการปรับอยู่แล้ว โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะแถลงตัวเลขในเร็วๆ นี้  ขอให้ใจเย็นๆ สิ่งสำคัญคือการดูว่า การเปลี่ยนแปลงในเรื่องสมดุลการค้าของโลกเกิดแล้วจะมีผลกระทบกับประเทศต่างๆ อย่างไร

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึง โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 3 ผ่านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้กับผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี 2.7 ล้านคน ว่า รอนำเข้าสู่การพิจารณาจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้าโดยการแจกเงินยังคงเป็นไปตามไทม์ไลน์คือไตรมาสที่ 2 ช่วงเดือนพ.ค. - มิ.ย. 2568 นี้ 

ด้านายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า นโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 68 ทำให้้ยากที่จะเติบโตถึง 3%  แต่จะพยายามทำให้ต่ำกว่า 3% เพียงเล็กน้อย ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 30 เม.ย.นี้ เชื่อว่าคณะกนง.จะมีมติที่เหมาะสมที่สุด เพราะในช่วงนี้มาตรการการเงินควรออกมาเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ