ผู้ส่งออกหยุดรับออเดอร์สหรัฐฯ เหตุกำไรไม่พอจ่ายภาษี จี้รัฐแก้ปัญหาสินค้าถล่มไทย

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ผู้ส่งออกหยุดรับออเดอร์สหรัฐฯ เหตุกำไรไม่พอจ่ายภาษี จี้รัฐแก้ปัญหาสินค้าถล่มไทย

Date Time: 25 เม.ย. 2568 07:30 น.

Summary

สรท. เผย ผลสำรวจพบ ผู้ส่งออกไทยบางราย เตรียมหยุดรับคำสั่งซื้อจากคู่ค้าสหรัฐฯ เหตุกำไรไม่พอจ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้น แม้บางรายรับออร์เดอร์ทะลัก แต่ลูกค้าก็ผลักภาระภาษีให้จ่ายเอง ชี้ผู้ส่งออกไม่มีแผนลงทุนในสหรัฐฯ ไม่นำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ เหตุมีแหล่งนำเข้าราคาถูกกว่า และใช้วัตถุดิบในประเทศ จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาสินค้าต่างประเทศถล่มไทย

Latest

ยุบสภา สะเทือนนโยบายหลักต้องรอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ เผยคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ฝันค้าง

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.ได้สำรวจความเห็นของผู้ส่งออกที่เป็นสมาชิกและหารือกับอุตสาหกรรมส่งออก เกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9-22 เม.ย. 68 พบว่า ผู้ส่งออกบางกลุ่มยังไม่ได้รับผลกระทบ, บางกลุ่มได้รับผลกระทบทางบวก อาทิ คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เร่งรัดการส่งมอบสินค้าให้เร็วขึ้น และบางกลุ่มได้รับผลกระทบทางลบ เช่น คำสั่งซื้อสินค้าลดลง ยกเลิกคำสั่งซื้อ และลูกค้าผลักภาระต้นทุนภาษีที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ส่งออก เป็นต้น

โดยผู้ส่งออกไทยมีวิธีรับมือ คือ เจรจาลูกค้าเพื่อแบ่งความรับผิดชอบต่อภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น ทั้งลดราคาสินค้ากรณีลูกค้าเป็นผู้ชำระค่าภาษี และขอขึ้นราคาสินค้ากรณีผู้ส่งออกไทยเป็นผู้ชำระภาษี, การชะลอรับคำสั่งซื้อเพื่อดูสถานการณ์ เพราะกำไรไม่เพียงพอต่อการจ่ายหรือการช่วยจ่ายภาษีให้กับลูกค้า, การหาตลาดอื่นทดแทน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้ถามถึงแนวทางการเจรจาของไทยกับสหรัฐฯ ที่จะให้ไทยไปลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มการนำเข้าสินค้าบางรายการ หรือยังไม่เคยนำเข้านั้น ผู้ส่งออกกว่า 88.9% ระบุไม่มีการลงทุน และไม่มีแผนลงทุนในสหรัฐฯ เพราะต้นทุนสูง และ 11.1% มีบริษัทแม่หรือบริษัทในเครือตั้งอยู่ในสหรัฐฯ แล้ว ขณะที่มีเพียง 31.6% ที่นำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ อยู่แล้ว เช่น ถั่วเหลือง เครื่องจักรและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติก วัตถุดิบอาหารสัตว์ เป็นต้น ส่วนที่เหลือนำเข้าจากแหล่งอื่นที่ราคาถูกกว่า และใช้วัตถุดิบภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม สรท.ขอให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก Reciprocal Tariff ที่อาจทะลักเข้าไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ของเล่น เครื่องเล่นเกม ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องเสียงและเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ภาชนะบนโต๊ะอาหาร ผลิตภัณฑ์พลาสติก เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน รถโดยสาร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนังและรองเท้า เป็นต้น

ทั้งนี้ สรท.ขอให้รัฐบาลหามาตรการป้องกันการนำเข้าและการลงทุนผลิตในประเทศ ดังนี้ 1. ออกมาตรการต้านการนำเข้าสินค้าด้อยคุณภาพ โดยกำกับดูแลตั้งแต่ประเทศต้นทาง เช่น สินค้าและโรงงานต้องได้รับรองมาตรฐานของไทย ผู้ส่งออกที่ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องระบุ ID Number ให้ชัดเจน ตรวจสอบสินค้านำเข้า 100% เพื่อป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพเข้าประเทศ ตรวจสอบสินค้าผ่าน Free zone 100% เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ส่งออก

2. ออกมาตรการต้านการลงทุนศูนย์เหรียญ เช่น ทบทวนสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำหรับการลงทุนใหม่, ใช้วัตถุดิบภายในประเทศไม่น้อยกว่า 40% เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในประเทศ ฯลฯ และ 3. ออกมาตรการส่งเสริมค้าระหว่างประเทศ โดยต้องอัดฉีดงบประมาณสำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และงบสนับสนุนด้านการตลาดแก่ภาคเอกชน เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าไทยในสายตาคู่ค้าและผู้บริโภคในตลาดโลก

“คาดว่า ไตรมาส 2 ตัวเลขส่งออกของไทยน่าจะยังดีอยู่ แต่ในครึ่งปีหลัง คำสั่งซื้อจะลดฮวบฮาบ เพราะผู้นำเข้าได้เก็บสต๊อกไว้แล้วจำนวนมาก แต่จนถึงขณะนี้ สรท. ยังไม่ปรับเป้าหมายการส่งออก ที่ปีนี้ตั้งเป้าขยายตัว 2-3%”

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 68 มีกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกรวม 510 โครงการ กว่า 700 กิจกรรมย่อย มีเป้าหมายสร้างมูลค่าการค้ารวม 92,363 ล้านบาท และผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ 261,804 ราย สำหรับการเตรียมรับมือการขึ้นภาษีทรัมป์นั้น ได้ติดตามและประเมินท่าทีของประเทศต่างๆ อย่างใกล้ชิด เร่งหาผู้นำเข้ารายใหม่ๆ วางแผนการเปิดตลาดใหม่ ลดพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ โดยมองว่า ยังมีโอกาสที่สินค้าไทยยังจะส่งออกได้อีก “ไม่ได้โลกสวย แต่ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส เพียงแต่จะแสวงหาโอกาสอย่างไร”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ