น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ขอพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการปรับกลยุทธ์เร่งผลักดันเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อมาชดเชยนักท่องเที่ยวตลาดจีนที่มีแนวโน้มหดตัวลงในปีนี้ ตามนโยบายของรัฐบาล ถือเป็นการปรับโครงสร้างการท่องเที่ยวของไทยครั้งใหญ่ โดยเน้นการเพิ่มจำนวนของตลาด Quality Leisure, Family และ Incentive ในตลาดระยะไกล ได้แก่ ยุโรป (อังกฤษ, เยอรมนี, อิตาลี, อิสราเอล, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, นอร์เวย์, ออสเตรีย), อเมริกา (อาร์เจนตินา, บราซิล), โอเชียเนีย (ออสเตรเลีย), ตะวันออกกลาง (ซาอุดีอาระเบีย, คูเวต) และแอฟริกา (แอฟริกาใต้) และตลาดระยะใกล้ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย ศรีลังกา อีกทั้งพบว่าแนวโน้มการจองบัตรโดยสารเครื่องบินล่วงหน้าในการเดินทางเข้าประเทศไทยช่วงเดือนเม.ย. - มิ.ย.ของกลุ่มตลาดระยะไกลยังมีแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะตลาดสหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน อิสราเอล รัสเซีย
“ต่อจากนี้ไป ททท.จะขยายการเติบโตของตลาดกลุ่มเป้าหมาย High Value ซึ่งมีการใช้จ่ายสูง อาทิ กลุ่ม Health & Wellness อาทิ นวดแผนไทย สปา โยคะ อาหารสุขภาพ และ Wellness Program ประเภทต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป ตะวันออกกลาง อาเซียน และจีน กลุ่ม Yacht/ Super Yacht สำหรับตลาดยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียแปซิฟิก กลุ่ม Sport and Entertainment โดยมีกีฬาที่จะส่งเสริม อาทิ กอล์ฟ มาราธอน วิ่งเทรล มวยไทย ดำน้ำ จักรยาน ในตลาดรัสเซีย ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และกลุ่ม Digital Nomad และ Workation ซึ่งมีหลายเมืองที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยม เช่น เชียงใหม่ กทม. ภูเก็ต เกาะสมุย หัวหิน และกระบี่”
ทั้งนี้ จากสถิติสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 21 เม.ย. 68 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 11.35 ล้านคน พบว่าตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลมีแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 67 ทั้งตลาดนักท่องเที่ยวหลักและตลาดศักยภาพใหม่ อาทิ อิสราเอล 131,958 คน (+97.43%) อิตาลี 114,808 คน (+28.6%) โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนที่นั่งบนเครื่องบินเพิ่มขึ้น รวมถึงขยายเส้นทางบินใหม่ทั้งจากเมืองหลักและเมืองรองในต่างประเทศสู่ไทย.