ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทย ได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ 5 ด้าน ตลาดเงินผันผวน ขณะที่การค้าการลงทุนการส่งออกลด พร้อมรับการบ้านรัฐบาล ดูแลตลาดการเงินให้ปกติ-จับตาภาคที่ได้รับผลกระทบเพื่อช่วยกันหามาตรการรับมือ มองปีนี้จีดีพีโตต่ำกว่า 2.5% แต่ส่งออกยังไม่ติดลบ จ่อนำการชะลอตัวเศรษฐกิจเข้าหารือใน กนง. 30 เม.ย.นี้
นายสักกะภพ พันยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการวิเคราะห์ผลกระทบเบื้องต้นของนโยบายการค้าโลกต่อเศรษฐกิจไทย ว่า การใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯจะส่งผลเงินเฟ้อสหรัฐฯสูงขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัว ตลาดการเงินผันผวน นักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจ ตลาดการเงินตลาดทุนโลกผันผวนสูงและต่อเนื่องไปอีกระยะ ส่วนผลกระทบต่อไทย มี 5 ช่องทาง คือ
1.ผลจากการชะลอการลงทุน ของนักลงทุน ทั้งการลงทุนโดยตรงที่คาดว่าจะเข้ามา ขณะนี้ชะงักไปแล้วบางส่วน ขณะที่ตลาดการเงินผันผวนต่อเนื่อง
2.การค้า การส่งออกลดลง จากตลาดการค้าโลกลดลง รวมทั้งความต้องการซื้อของประเทศทั่วโลกจะลดลง โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ โดยครึ่งปีหลังถึงปีหน้า สินค้าส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบสูง “ยังไม่แน่ใจว่า ผลกระทบต่อการส่งออกจะแรงแค่ไหน ต้องดูจากเจรจาว่าหลัง 90 วัน ภาษีที่เขาคิดจากไทยจะเป็นเท่าไร หากผลจากภาษีทำให้ส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯลดลงจากปัจจุบัน 20% ส่งผลให้การขยายตัวของจีดีพีไทยลดลง 0.4% แต่ยังไม่สามารถคำนวณตรงๆได้ เพราะต้องรวมผลกระทบ
3.การนำเข้าสินค้าเพิ่มจากสหรัฐฯและสินค้าราคาถูกจากประเทศอื่นที่จะซ้ำเติมภาคการผลิตของไทย
4.ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่ไทยจะได้รับจากการท่องเที่ยวชะลอลง และคำสั่งซื้อลดลง
5.ตลาดการเงินไทยแม้มีความผันผวน แต่ยังมีเสถียรภาพสูง เพราะมีหนี้ต่างประเทศต่ำ และมีทุนสำรองสูง ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรของไทยไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เอกชนยังระดมทุนผ่านหุ้นกู้ได้ เงินไหลเข้าออกยังปกติ แต่ต้องติดตามภาวะการเงินของผู้ส่งออกไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯว่าได้รับผลกระทบสูงกว่าภาคอื่น ใน 5 ภาค คือ ภาคเกษตรและอาหาร เครื่องจักร ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เพราะเริ่มเห็นการชะลอการผลิตและการลงทุน เพราะต้องรออัตราภาษีที่ชัดเจน รวมทั้งอาจชะลอการลงทุนถาวรบางส่วน ทำให้การขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ 1 ปีข้างหน้า ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจส่งออกไปสหรัฐฯ 70,000 ล้านบาท อาจชะลอการลงทุนไปก่อนหรือยกเลิกถาวร
สำหรับการใช้นโยบายการเงิน หรือการคลังเพื่อช่วยลดผู้ได้รับผลกระทบทำได้ระดับหนึ่ง ไม่ตรงจุดเท่ากับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจหรือยกระดับภาคการผลิตของไทย ส่วนการใช้เครื่องมือทางการเงิน ต้องมุ่งไปที่ผู้ได้รับผลกระทบมาก ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ผ่านมา ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ภายใต้คาดการณ์ว่า สหรัฐฯจะขึ้นภาษีไทย 10% ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ 2.5% แต่เมื่อภาษีสูงกว่าที่คาด และมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนลดลง ทำให้ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 2.5% การส่งออกลดลงแต่ยังไม่ติดลบ รวมทั้งมองว่าจะกระทบให้อัตราเงินเฟ้อไทยต่ำลงจากประมาณการเดิม ดังนั้น การประชุม กนง.วันที่ 30 เม.ย.นี้จะนำปัจจัยเศรษฐกิจที่ชะลอไปให้ กนง. พิจารณา
นายสักกะภพ ยังกล่าวถึงการบ้านที่รัฐบาล และ รมว.คลังให้ ธปท.ดูแลเป็นพิเศษ มี 2 เรื่อง คือการดูแลตลาดการเงินของไทยให้ทำหน้าที่ได้ปกติ ยืนยันว่าไทยมีสภาพคล่องในประเทศเพียงพอ ขณะที่การดูแลค่าเงินบาทหลังสหรัฐฯขึ้นภาษีค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้น เพราะมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัว ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า หน้าที่ ธปท.ยังเหมือนเดิม ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากเกินไป อีกเรื่องที่คลังฝากคือ การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจับตาโอกาสการเกิดผลกระทบต่อภาคต่างๆเพื่อช่วยกันหามาตรการช่วยเหลือรับมือที่เหมาะสม.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่