ชวนเช็กอิน 6 ถนนสวย "ทางหลวง-ทางหลวงชนบท"

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ชวนเช็กอิน 6 ถนนสวย "ทางหลวง-ทางหลวงชนบท"

Date Time: 14 เม.ย. 2568 05:15 น.

Summary

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาว ต้องกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดกันแล้วละก็ หากยังคิดไม่ออกว่าจะแวะเส้นทางไหน รึผ่านเส้นทางใดทั้งถนนของ “กรมทางหลวง (ทล.) และถนนทางหลวงชนบท (ทช.)” ทาง “ทีมเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ขอรวบรวมมาให้เห็นเป็นสังเขปสัก 6 เส้นทาง เพื่อง่ายและสนุกต่อการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เวลานี้ ได้ให้ความสนใจกับการขับรถเที่ยว แวะเช็กอินชมวิว ถ่ายรูปลงโซเชียล ต่อด้วยนั่งชิลล์ทานกาแฟในคาเฟ่สวยๆ ซึ่งการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้จะเป็นที่นิยมมากในประเทศแถบยุโรป เพราะมีถนนสวย วิวสวยๆมากมายให้ชื่นชม เพลินตา เพลินใจ

แต่มา ณ วันนี้ เราไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศกันอีกแล้ว เพราะประเทศไทย ถนนเมืองไทยก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน ยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาว ต้องกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดกันแล้วละก็ หากยังคิดไม่ออกว่าจะแวะเส้นทางไหน รึผ่านเส้นทางใดทั้งถนนของ “กรมทางหลวง (ทล.) และถนนทางหลวงชนบท (ทช.)” ทาง “ทีมเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ขอรวบรวมมาให้เห็นเป็นสังเขปสัก 6 เส้นทาง เพื่อง่ายและสนุกต่อการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว...

มาเริ่มกันที่ถนนของกรมทางหลวง “ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 6 หรือมอเตอร์เวย์ บางปะอิน–นครราชสีมา (M6)” เส้นทางนี้กำลังจะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่แห่งการเดินทางของประเทศไทย อย่างที่หลายท่านทราบกันดี มอเตอร์เวย์ M6 ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางที่ย่นระยะเวลาเดินทางสู่ภาคอีสานเท่านั้น แต่ยังเป็น “ว่าที่ถนนลอยฟ้าที่สวยที่สุดในเมืองไทย” ด้วย

ดังนั้น จะว่าไปมอเตอร์เวย์ M6 จึงไม่ใช่แค่ทางผ่าน...แต่คือเส้นทางสู่ความสุขในช่วงวันหยุดยาวอย่างแท้จริง เพราะไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ วิวเลียบเขื่อนลำตะคอง ยิ่งได้ชมวิวในช่วงเช้าหรือเย็นที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงมา จะเป็นภาพที่สวยงามติดตาตรึงใจแน่นอน

และเมื่อมาถึงอีสาน แล้วเลยมาทางอีสานกลางก็อยากจะแนะนำถนน ทางหลวงหมายเลข 213 สายสกลนคร–กาฬสินธุ์ ตอนสร้างค้อ– สกลนคร กม.ที่ 155+600 พื้นที่อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร โดยจุดที่น่าสนใจมีชื่อว่า “โค้งปิ้งงู” สถานที่นี้ แขวงทางหลวงสกลนครที่ 1 ได้เปิดจุดบริการประชาชน จุดเช็กอิน บริเวณช่วงโค้งปิ้งงู ใช้ชื่อว่า “ปิ้งงู ปิ๊งรัก” ณ สำนักงานหมวดทางหลวงคำหอม จุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปเช็กอินถนนสวย “โค้งปิ้งงู” กันได้สบาย ซึ่งเมื่อเช็กอิน “โค้งปิ้งงู”  แล้วยังเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดสกลนครต่อได้อีก ไม่ว่าจะไปสักการะหลวงปู่มั่น พญาเต่างอย วัดถ้ำผาแด่น และเที่ยวน้ำตกคำหอม

เมื่อไปทางภาคอีสานแล้ว มาต่อกันที่เส้นทางภาคเหนือ กันบ้าง โดยเส้นทางนี้กรมทางหลวงภูมิใจนำเสนอและขอชวนมาเที่ยว “โค้งหมายเลข 3” เส้นทางนี้ถือเป็นสถานที่อันซีนแห่งใหม่ของจังหวัดน่าน โดย “โค้งเลข 3” อยู่บนทางหลวงหมายเลข 1081 สายสันติสุข-บ่อเกลือ ตอนดอนมูล-หลักลาย ช่วง กม.ที่ 38-39 มีระยะทาง 300 เมตร ที่ลัดเลาะตามแนวธรรมชาติ 2 ข้างทางที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ ทำให้เมื่อขับรถมาถึงบริเวณจุดดังกล่าว จะมองเห็นเส้นถนนที่โค้ง ดูคล้ายกับเลข 3 โดดเด่นขึ้นมา ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเช้าเวลา 06.50-07.10 น. จะมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณโค้งเลข 3 นี้พอดีเลย

ซึ่งเมื่อแนะนำถนนของกรมทางหลวงสวยชวนเช็กอินและยังอยู่ที่จังหวัดน่านแล้ว เราก็ขอแนะนำถนนของกรมทางหลวงชนบทต่อเลย แม้ว่าถนนของทางหลวงชนบทจะไม่สวยเด่นแบบถนนทางหลวง แต่เป็นถนนสายรองที่นำพานักเดินทาง นักท่องเที่ยวเข้าถึงธรรมชาติ วิถีชาวบ้านได้ง่ายและใกล้ชิดที่สุด โดยเส้นทางแรกที่อยู่ในหมุดหมายของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาก็คือหมู่บ้านสะปัน จังหวัดน่าน ที่ทุกคนต้องมาแวะ Check in คือ “สะพานร่วมใจสามัคคี” ซึ่งการเดินทางมายังสะพานนั้น เมื่อออกจากตัวอำเภอเมืองน่าน ให้มุ่งหน้าไปยังอำเภอบ่อเกลือ โดยใช้ ทล.1169 และ ทล.1081 ประมาณ 87 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาบริเวณสามแยกเข้าสู่บ้านสะปัน ประมาณ 2.5 กิโลเมตร ตามป้ายแนะนำเส้นทาง จนถึงสะพานร่วมใจสามัคคี ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

สะพานร่วมใจสามัคคี เดิมสร้างขึ้นมาเพื่อยกระดับการเดินทางที่สะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ปัจจุบันสะปันกลายเป็นหมุดหมายสำคัญแห่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวต้องมา เพราะเงียบสงบ บรรยากาศและผู้คน มีเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ ที่สำคัญสะพานร่วมใจสามัคคียังเชื่อมไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกสะปัน อุทยานแห่งชาติขุนน่าน อันเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำว้า และวัดสะปัน สถานที่ประดิษฐานพระไชยมงคล

จากภาคเหนือขอนำพาผู้อ่านมาลงภาคกลางเที่ยวจังหวัดนครนายก จุดที่จะพาไปคือ “เขื่อนขุนด่านปราการชล หรือเขื่อนขุนด่าน” ซึ่งการเดินทางไปยังเขื่อนขุนด่านปราการชลนั้น เมื่อขับรถออกจากตัวเมืองนครนายกไปตามเส้นทาง ทล.3049 จนถึงแยกวัดตำหนัก ช่วง กม.ที่ 11+100 ให้เลี้ยวขวาเพื่อเดินทางมุ่งหน้าต่อบนเส้นทาง ทล.3049 ระหว่างทางจะผ่านน้ำตกวังตะไคร้และหากขับตรงไปอีกไม่นานจะมีทางแยกเข้า กม.ที่ 17+350 ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าเขื่อนขุนด่านปราการชล โดยจะเข้าสู่ถนนทางหลวงชนบทสาย นย.4016 ซึ่งเดินทางไม่นานก็จะถึงวงเวียนเบี่ยงไปทางซ้ายเพื่อขึ้นไปยังตัวเขื่อน

และจากภาคกลาง กรมทางหลวงชนบท ขอนำไปต่อยัง ภาคใต้ ถนนที่เราจะพาไปเช็กอิน อยู่ในจังหวัดตรัง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนั้นก็คือ หาดปากเมง หาดที่มีแลนด์มาร์กสำคัญคือ เขาเมง โขดหินใหญ่กลางน้ำรูปร่างคล้ายคนนอนหงาย โดยประชาชนสามารถถ่ายภาพเช็กอินได้จากบน “สะพานปากเมง”

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางจากสะพานปากเมง เชื่อมไปยังอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม โดยตลอดสองข้างทางจะถูกเรียงรายไปด้วยต้นสนมากมายจนนับไม่ถ้วน ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังลอดอุโมงค์ต้นสน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาด ซึ่งการเดินทางมาที่สะพานปากเมงก็ง่ายมากโดยเริ่มต้นออกจากตัวเมืองตรัง มุ่งหน้าไปทางหาดปากเมง อำเภอสิเกา ประมาณ 37 กิโลเมตร โดยใช้ ทล.4046 และ ทล.4162 จนถึงสามแยกหาดปากเมงแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังถนนทางหลวงชนบทสาย ตง.4008 เดินทางไปอีก 3.7 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดหมายปลายทาง

จากการรวบรวมถนนทางหลวง–ทางหลวงชนบท ชวนเช็กอินดังกล่าว ทางผู้รวบรวมก็หวังว่าจะเป็นไกด์ไลน์ให้นักท่องเที่ยว นักเดินทางที่เดินทาง ใกล้จุดไหนก็จะได้ลองไปเที่ยว ได้ไปแชะรูป เช็กอินกันดู และหากมีโอกาสจะกลับมารวบรวมทางหลวงชวนเช็กอินใหม่อีกครั้ง ขอให้ทุกคนสนุกกับการเดินทาง ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ