นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวหลังรวมตัวยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีว่า เพื่อแก้ปัญหาการกดดันทางการค้าจากสหรัฐฯ ประเทศไทยควรหันมานำเข้าข้าวโพด กากถั่วเหลือง และ DDGS ในจำนวนที่มีนัยสำคัญพอให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายภาษีนำเข้าต่างตอบแทนกลับมาในอัตราระดับเดิม ช่วยทุกกลุ่มไม่เสียหาย “กรณีนี้จะสามารถเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับสหรัฐฯ ในการส่งสินค้ามายังประเทศไทยได้สูงถึง 84,000 ล้านบาท หรือ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สมาคมยังขอให้รัฐบาลละเว้นการพิจารณาที่จะนำเข้าสินค้าสุกร ทั้งเนื้อสุกรและเครื่องในเข้ามายังประเทศไทย เพราะสินค้าสุกรเป็นอุตสาหกรรมอาหารโปรตีนหลักของประเทศ มีมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งระบบกว่า 300,000 ล้านบาทต่อปี”
ด้านนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า 1 ในแนวทางการเจรจาของรัฐบาลไทย ที่จะเปิดนำเข้าเครื่องในหมูจากสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการให้สหรัฐฯ ลดภาษีที่ประกาศเก็บ 36% ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่จัดเก็บอยู่ก่อนแล้วนั้น จะกระทบต่อผู้เลี้ยงหมูในไทยแน่นอน แม้ปัจจุบันไทยนำเข้าเครื่องในอยู่แล้วจากทั้งสหรัฐฯ แคนาดา บราซิล เยอรมนี เพื่อนำมาอาหารสัตว์ การที่รัฐจะเปิดนำเข้าโดยเสรี จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อยของไทยแน่นอน เนื่องจากราคาเครื่องในหมูจากสหรัฐฯ ถูกกว่าไทย และที่สำคัญ สหรัฐฯ ยังใช้สารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนในการเลี้ยง ซึ่งตามกฎหมายไทยห้ามใช้ในการเลี้ยงเด็ดขาดด้วย