
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม. )เห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... และ ร่างพ.ร.ก.ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ภายหลังจากคณะกรรมการกฤษฏีกาตรวจแก้ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ครม.เคยเห็นชอบแล้วเห็นควรให้แยกออกเป็น 2 ฉบับ
“ดูแล้วถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยฉบับแรกเป็นการรับผิดชอบของธนาคาร แพลตฟอร์มต่าง ๆ ส่วนฉบับที่ 2 ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะ ร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้ มีมาตรการหลายอย่างที่ควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล คือ กำหนดผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ต่างประเทศ แต่มาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งร่างเดิม พ.ร.ก. นี้ไม่ได้ควบคุมดูแล หลังจากที่มีการแก้ ก็มีการกำหนดคุณลักษณะของบริษัทประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ว่ามีคุณสมบัติอย่างไร แล้วจะมีมาตรฐานกำกับดูแลออกมา ทั้งนี้ เพื่อป้องกันเงินที่ไหลออกทางสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ไม่มีทางควบคุม ถือเป็นการปิดช่องทางที่สำคัญ และตัดช่องทางการเงินของมิจฉาชีพ หลังจากนี้จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป”
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบร่าพ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว เป็นการเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพ แก้ไขวันใช้บังคับโดยกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จากเดิม ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา