
การประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยไปยังตลาดสหรัฐฯในอัตราที่สูงถึง 36% ดูจะท้าทายความสามารถของนายกฯเจ็นวาย แพทองธาร ชินวัตร ค่อนข้างมาก
ที่สำคัญก็คือ ท่ามกลางปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้าใส่ไม่หยุดหย่อนเนี่ย ผู้คนน่าจะได้เห็นชัดว่า นายกฯแพทองธาร เหมือนคนที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว แม้จะมีภาพรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆหลายคนยืนรายล้อมอยู่รอบด้านก็ตาม
แต่คนเหล่านั้นก็ดูจะไม่ได้ช่วยให้คำแนะนำใดๆนอกจากทำตามคำสั่ง หรือฟังคำสั่งจากนายกฯเท่านั้น
เช่น คำสั่งที่มอบหมายให้รองนายกฯ และ รมว.คลัง ซึ่งไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าทีม เดินทางไปเจรจากับกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ แทนที่จะเป็น รมว.พาณิชย์ และ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง
แสดงให้เห็นว่า นายกฯยังมีไม่มีข้อมูลเรื่องนี้มากพอ และอาจไม่เข้าใจเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ซึ่งมีทั้งปัญหาการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีทั้งความร่วมมือ และความขัดแย้ง
ในขณะที่เศรษฐกิจแต่ละประเทศล้วนเปราะบางจนต้องยกเลิกกฎกติกาการค้าต่างๆที่เคยทำร่วมกันเพื่อเอาตัวให้รอด
หันไปดูพวกที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ก็ดูจะช่วยอะไรเธอไม่ได้เช่นกัน แม้หลายคนจะเคยมีชื่อเสียงเป็นนักคิดนักกลยุทธ์ จบปริญญาเอกกันมาก็หลายคน แต่เอาจริงๆวันนี้คนเหล่านั้นก็เป็นได้แค่ตำนานของคน “เคย” เป็นนักคิดนักปฏิบัติในสมัยที่การตลาดเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดเท่านั้น
ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ให้ความเห็นว่า ถ้ามีใครอ่อนไหวสักนิดกับเรื่องภูมิรัฐศาสตร์คงมองเห็นท่าทีของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มาตั้งแต่ “ทรัมป์ 1” ว่า ทรัมป์พยายามจะปรับเปลี่ยนกฎกติกาของโลกใหม่ทั้งทางด้านการเงิน และการค้าซึ่งจะต้องไม่กลับไปสู่วิกฤตการณ์ในอดีตอีก
ความพยายามจะตอกยํ้าเรื่อง American First หรือ America great again... สหรัฐอเมริกาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง คือ ความพยายามจะเอาตัวให้รอดจากการขาดดุล
การค้า และดุลงบประมาณติดต่อกันหลายปี การขาดดุลสองด้านติดต่อกันมาหลายปีดังกล่าว ยังทำให้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย ค่าเงินดอลลาร์เกิดความผันผวน โดยมีความพยายามจะทำให้ “เงินหยวน” เข้ามาทำหน้าที่แทนในตลาดโลก เป็นต้น
สิ่งนี้ทำให้ทรัมป์ออกมาแสดงท่าทีให้เห็นชัดๆว่า เขาจะต้องจัดการกับตัวการใหญ่อย่างจีน ที่ทำให้สหรัฐฯขาดดุลการค้าอย่างมโหฬาร ด้วยการเปิดฉากปฏิบัติการหลายด้านกับผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนอย่าง หัวเว่ย
พร้อมๆกับการสั่งแบนแพลตฟอร์ม TikTok และขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่ส่งไปขายยังตลาดสหรัฐฯ เป็นต้น
เมื่อกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ทรัมป์ได้สั่งให้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯทำหน้าที่ตรวจสอบว่ามีประเทศใดบ้างที่ถูกจีน backdoor เข้ามา และเมื่อพบว่าหลายประเทศถูกจีนครอบงำหมดแล้ว จึงตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้ากับทุกประเทศอย่างที่เห็น
ความเข้าใจในทรัมป์ ยังมีอีกหลายมิติ และถ้าเข้าใจได้ดีก็จะรู้ว่าทางออกของประเทศไทยคืออะไร.
มิสไฟน์
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม