เปิดเบื้องหลังขายข้าวแอฟริกาใต้ พาณิชย์สร้างเชื่อมั่นคุณภาพทำซื้อเพิ่มรวม 4 แสนตัน

นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ให้นำคณะ ประกอบด้วย นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และผู้ส่งออกข้าวไทย เดินทางเยือนสาธารณรัฐแอฟริกาใต้  เมื่อวันที่  24-30  มี.ค.68 เพื่อขยายลู่ทางการค้า โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่เป็นที่ชื่นชอบในตลาดแอฟริกาใต้ รวมถึงอาหารอื่นๆ และผลไม้ เช่น มังคุด ลำไย มะม่วง โดยหารือกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นนางสาวโรสแมรี โนคูโซลา คาปา รมช.เกษตร ป่าไม้ และการประมง, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Wesgro หน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนสำหรับเมืองเคปทาวน์และเวสเทิร์นเคป รวมถึงผู้นำเข้าข้าวจากไทยรายใหญ่

โดยในส่วนการเจรจากับผู้นำเข้ารายใหญ่นั้น นอกจากจะแลกเปลี่ยนข้อมูลการแก้ปัญหา อุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน เพื่อให้การส่งออกคล่องตัว และเพิ่มปริมาณนำเข้าข้าวจากไทยแล้ว ฝ่ายไทยยังสามารถเจรจาผลักดันให้แอฟริกาใต้ซื้อข้าวจากไทยได้เพิ่มอีก 9,000 ตัน รวมเป็น 400,000 ตัน มูลค่ากว่า 7,300 ล้านบาท จากเดิมที่ผู้ส่งออกข้าวไทย 6 ราย และผู้นำเข้าแอฟริกาใต้ 5 รายเตรียมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อซื้อข้าวนึ่ง และข้าวจากไทยแล้ว 391,000 ตัน “ถือเป็นข่าวดีมาก ที่ฝ่ายไทยสามารถสร้างความเชื่อมั่น จนทำให้แอฟริกาใต้เพิ่มการนำเข้าเป็น 400,000 ตัน ซึ่งจะช่วยดึงข้าวเปลือกออกจากประเทศได้มากถึง 1 ล้านตัน กำหนดระยะเวลาส่งมอบเดือน มี.ค.-มิ.ย.นี้ สร้างรายได้กว่า 7,300 ล้านบาท และจะช่วยทำให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น”

นอกจากนี้ การที่แอฟริกาใต้นำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้น ยังชี้ให้เห็นว่า ตลาดนี้ยังต้องการข้าวไทย คาดว่า ปีนี้จะนำเข้าไม่ต่ำกว่า 900,000 ตัน จากปี 67 ที่กว่า 800,000 ตัน แม้มีการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจากข้าวนึ่งของคู่แข่ง อย่างอินเดีย ปากีสถาน พร้อมกันนั้นได้มอบรางวัล Thailand Ultimate Friendship Award 2025 ให้แก่ผู้นำเข้าข้าวแอฟริกาใต้รายสำคัญ 8 บริษัท ในฐานะพันธมิตรทางการค้าข้าวที่ดีของไทยมายาวนาน และเปิดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยที่ซุปเปอร์มาร์เกต Food Lover’s Market สาขา Castle Gate กรุงพริทอเรีย ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพริทอเรีย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสินค้าไทย และกระตุ้นให้มีการบริโภคเพิ่มขึ้น

นางอารดากล่าวว่า ในการหารือกับผู้นำเข้าข้าวของแอฟริกาใต้ เพื่อให้เพิ่มปริมาณการนำเข้าจากไทยนั้น ผู้นำเข้าต้องการให้ไทยจัดกิจกรรมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในแอฟริกาใต้ เพราะทราบจากข่าวว่า ไทยเริ่มปลูกข้าวหอมพวง ซึ่งเป็นข้าวพื้นนุ่ม ไม่เหมาะที่จะทำข้าวนึ่ง จึงได้ให้ความมั่นใจว่า ข้าวหอมพวงยังไม่ได้รับการรับรองพันธุ์ข้าวในไทย เกษตรกรไม่สามารถปลูกได้ แต่กระทรวงพาณิชย์จะจัดกิจกรรมเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรไทยว่า แม้ว่าข้าวหอมพวงให้ผลผลิตต่อไร่สูง แต่ยังไม่ได้รับการรับรองพันธุ์ ไม่สามารถปลูกได้ ขอให้ปลูกพันธุ์ข้าวไทย ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับรองพันธุ์แล้ว

นอกจากนี้ ในช่วงงาน Thailand Rice Convention ที่กระทรวงพาณิชย์จะจัดขึ้นวันที่ 25-27 พ.ค.นี้ จะเชิญผู้นำเข้าข้าวจากแอฟริกาใต้ มาสร้างความเข้าใจให้กับเกษตรกรไทยว่า ควรปลูกข้าวชนิดใดป้อนตลาดนี้ เพื่อให้ไทยยังคงเป็นแหล่งนำเข้าข้าวอันดับ 1 ของแอฟริกาใต้อย่างต่อเนื่อง “การจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงการเดินทางเยือนแอฟริกาใต้ จะช่วยให้การค้าข้าวระหว่างไทยและแอฟริกาใต้ในปี 68 เป็นไปด้วยดี มีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง และน่าจะช่วยลดผลกระทบได้บ้างจากกรณีที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% เพราะสหรัฐฯเป็นตลาดหลักข้าวหอมมะลิไทย จากเดิมที่การนำเข้าข้าวไม่เสียภาษี ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกข้าวไทยปีนี้บรรลุเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตันได้”

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 63-67 ไทยส่งออกข้าวไปแอฟริกาใต้เฉลี่ยปีละ 793,902 ตัน โดยปี 67 ส่งออกได้ 833,184 ตัน ลดลง 5.87% จากปี 66 ที่ส่งออกได้ 885,117 ตัน โดยสัดส่วน 92.95% เป็นการส่งออกข้าวนึ่ง ตามด้วย ข้าวขาว 5.36% และข้าวหอมไทย 0.87% ส่วนช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ปีนี้ ส่งออกแล้ว 98,943 ตัน เพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขณะนี้ผู้ส่งออกเริ่มทยอยซื้อข้าวเพื่อเตรียมส่งมอบให้แอฟริกาใต้ 400,000 ตันแล้ว.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่