เปิดลิสต์ 15 สินค้าแพ้พิษภาษีทรัมป์ พาณิชย์ยังมั่นใจ “เอาอยู่” เห่กล่อมมะกันยอมให้ไทยตีตั๋วเด็ก

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เปิดลิสต์ 15 สินค้าแพ้พิษภาษีทรัมป์ พาณิชย์ยังมั่นใจ “เอาอยู่” เห่กล่อมมะกันยอมให้ไทยตีตั๋วเด็ก

Date Time: 4 เม.ย. 2568 07:00 น.

Summary

  • “พิชัย” รมว.พาณิชย์ ยอมรับ สหรัฐฯ เก็บภาษี 37% เกินคาด พร้อมเปิดลิสต์ 15 สินค้าที่โดนกระทบหนัก ลั่นเดินหน้าเจรจาต่อรองทันทีที่สหรัฐฯ รับนัด มั่นใจเจรจาได้แน่

Latest

ททท.พลิกวิกฤติเป็นโอกาสปรับกลยุทธ์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ไทย 36-37% ว่า รู้สึกตกใจที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีไทยอัตราสูงมาก เกินกว่าความคาดหมาย โดยสหรัฐฯ ได้คำนวณจากอัตราภาษีที่คู่ค้าเก็บจากสหรัฐฯ และสหรัฐฯ เก็บจากคู่ค้า รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ ซึ่งของไทยคำนวณได้ 72% และหาร 2 เท่ากับ 36% แต่ยังต่ำกว่าประเทศอื่น อย่างเวียดนาม ที่ถูกเก็บถึง 46% ทั้งๆ ที่เวียดนามได้เปิดเจรจากับสหรัฐฯ ก่อน หรืออย่างญี่ปุ่น ที่เจรจากับสหรัฐฯ ก่อนเช่นกันก็ยังถูกเก็บที่ 24%


อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องห่วง เพราะไทยมีคณะทำงานที่เตรียมความพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ ไว้แล้ว ซึ่งได้กำหนดแนวทาง ยุทธศาสตร์การเจรจา และการเยียวยาผลกระทบแล้ว และมีความหวังว่า จะสามารถเจรจาต่อรองเพื่อให้สหรัฐฯ ลดภาษีลงได้ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ที่ปีนี้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ 3% หรือไม่ ขณะนี้ยังบอกไม่ได้


“ไทยพร้อมเจรจาตลอดเวลา รอแค่ว่า สหรัฐฯ จะรับนัดเมื่อไร ซึ่งเราได้นัดหมายกับสหรัฐฯ ไปตั้งแต่เดือนม.ค.68 แล้ว การขึ้นภาษีครั้งนี้ ทุกประเทศได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด แต่เราจะเจรจาให้สหรัฐฯ ลดภาษีให้ได้ และมีความหวังว่าจะสำเร็จ”


ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ถือว่าเกินความคาดหมาย สำหรับไทย ที่ประธานาธิบดีถือเอกสารตอนแถลงข่าวอยู่ที่ 36% แต่ในเอกสารประกอบคำสั่งฝ่ายบริหารอยู่ที่ 37% แต่ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ยังมีเวลาที่ไทยจะเจรจาต่อรองได้ โดยไทยพร้อมเจรจาทุกเมื่อ รอเพียงให้สหรัฐฯ นัดมา ถ้านัดวันนี้ พรุ่งนี้ และเดินทางไปไม่ทัน จะมีทีมไทยแลนด์ ที่มีเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี. เป็นหัวหน้าคณะ แต่หากมีเวลาเดินทางไป รมว.พาณิชย์จะเป็นหัวหน้าคณะเจรจาเดินทางไปเอง


สำหรับการขึ้นภาษีตอบโต้ครั้งนี้ สินค้าไทยที่จะได้รับผลกระทบมากๆ จะเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่าสูงๆ โดย 15 สินค้าแรกที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มาก ได้แก่ 1. โทรศัพท์มือถือ 2. ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 3. ยางรถยนต์ 4. เซมิคอนดักเตอร์ 5. หม้อแปลงไฟฟ้า 6. ชิ้นส่วนอุปกรณ์การพิมพ์ 7. ชิ้นส่วนรถยนต์ 8. อัญมณี 9. เครื่องปรับอากาศ 10. กล้องถ่ายรูป 11. เครื่องพิมพ์ 12. วัตถุดิบอาหารสัตว์ 13. แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 14. ข้าว และ 15. ตู้เย็น


ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่า ถ้าสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ไทย 11% จะทำให้การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ 7,000-8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 1 ปีถ้าไทยไม่ทำอะไรเลย แต่ขณะนี้สูงถึง 37% ก็ประมาณ 25,000-26,000 ล้านเหรียญฯ หรือราว 880,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าที่ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐฯ ที่ประมาณ 30,000-40,000 ล้านเหรียญฯ แต่ถ้าเจรจาต่อรองแล้ว เป็นผลสำเร็จ ก็อาจไม่เกิดความเสียหาย หรือเสียหายลดลง ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในภาพรวม ที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายขยายตัว 2-3% หรือไม่นั้น ต้องคำนวณอีกครั้ง


ส่วนแนวทางการเจรจาต่อรองนั้น 1. ไทยจะลดภาษีสินค้านำเข้าบางรายการให้กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าอยู่แล้ว แต่จากแหล่งอื่น อย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง รวมถึงเพิ่มการลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐฯ 2. เพิ่มการนำเข้าสินค้าที่ยังไม่เคยนำเข้าจากสหรัฐฯ 3. ลดเงื่อนไขต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าของสหรัฐฯ


“มั่นใจว่า จะเจรจาต่อรองได้ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่การเจรจาด้านการค้าสินค้าเท่านั้น แต่จะทำทุกมิติ ทั้งการค้าบริการ ที่สหรัฐฯ ได้ดุลไทยจำนวนมาก การลงทุน ความมั่นคง การทหาร การเป็นพันธมิตรที่ดี หรือแม้แต่ความมั่นคงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยได้คำนึงถึงผลประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด และผลกระทบที่จะเกิดกับทุกฝ่ายน้อยที่สุดแล้ว”


อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ โดยได้หารือกับนายพิชัย ชุณหชวิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังแล้ว เช่น อาจจะมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยจะกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย และมีการส่งออกไปสหรัฐฯ


นายวุฒิไกร กล่าวถึงประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่า อาจมีสินค้าจากหลายประเทศที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ได้และส่งออกมาทุ่มตลาดไทย และอาเซียนนั้น กระทรวงพาณิชย์ มีคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว มีรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ซึ่งทำงานล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว และเกิดผลสำเร็จชัดเจน เช่น มีการนำเข้าสินค้าทางออนไลน์ลดลง มีตัวเลขการปราบปรามสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐานเพิ่มขึ้น มูลค่าความเสียหายของสินค้าไร้มาตรฐานที่จับกุมได้มากขึ้น


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ