รัฐผนึกเอกชนห่วงเสียหายกว่า2แสนล ถกรับศึกภาษี “ทรัมป์” เข้ม

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

รัฐผนึกเอกชนห่วงเสียหายกว่า2แสนล ถกรับศึกภาษี “ทรัมป์” เข้ม

Date Time: 3 เม.ย. 2568 07:02 น.

Summary

ลุ้นระทึก “ทรัมป์” ประกาศรายชื่อประเทศที่จะถูกขึ้นบัญชีตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า พาณิชย์เร่งหารือหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อรับมือผลกระทบหากติดรายชื่อ พร้อมหาแนวทางเจรจาด้วยการลดภาษีนำเข่้า เพิ่มปริมาณนำเข้าและลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ

Latest

ภารกิจใหญ่ของ ธอส.

“รัฐ-เอกชน” จับมือรับมือภาษี “ทรัมป์” ห่วงเสียหายกว่า 2 แสนล้านบาท ลั่นไทยพร้อมเจรจา และเสนอลดภาษีนำเข้า-เพิ่มปริมาณนำเข้าสินค้าบางรายการ ด้านกกร.ประเมินจะกระทบจีดีพี 0.2-.06%

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวถึงความพร้อมของไทยในการรับมือกับนโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาใน วันที่ 3 เม.ย.นี้  พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาขึ้นทันที เพื่อร่วมกับภาคเอกชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ได้ประเมินมาตรการภาษีสหรัฐ 4 รูปแบบ คือ 1.ขึ้นภาษีรายประเทศ 2.ขึ้นภาษีรายสินค้า 3.ขึ้นภาษีกับกลุ่มประเทศที่มีปัญหายาเสพติด และอพยพเข้าเมือง 4.ขึ้นภาษีตอบโต้ ที่ผ่านมา สหรัฐ ได้ทยอยขึ้นภาษีแล้ว และที่กระทบกับไทย คือ กลุ่มเหล็ก และผลิตภัณฑ์ รวมถึงอะลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์ เป็น 25% แต่สิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้ คือ ขึ้นภาษีกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน วันที่ 3 เม.ย.68 จาก 0-4.9% เป็น 25% และยังจะมีเพิ่มเติมอีก 2-3 รายการ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ อาจขึ้นเป็น 25% ผลิตภัณฑ์ยา และไม้และผลิตภัณฑ์จากป่า รวมถึงการขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าไทยอีกหลายรายการ จากกรณีที่ไทยเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่าที่สหรัฐฯ เก็บจากไทย โดยปัจจุบัน ไทยเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่าสหรัฐเฉลี่ย 11% หากสหรัฐฯขึ้นภาษีเท่ากับไทย จะทำให้ไทยเสียหาย 7,000-8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (230,000-270,000 ล้านบาท) สินค้าที่จะได้รับผลกระทบ เช่น ข้าว กุ้งแปรรูป ยางล้อรถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์

 อย่างไรก็ตาม ไทยได้เตรียมแนวทางการเจรจาไว้แล้ว โดยอาจลดภาษีนำเข้า และเพิ่มปริมาณนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อลดการเกินดุลการค้า เช่น เพิ่มปริมาณนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และถั่วเหลือง ที่ไทยต้องนำเข้าอยู่แล้วทุกปี, นำเข้าเนื้อวัว เศษเนื้อ และเครื่องใน,  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงประสานให้บริษัท การบินไทย เช่าหรือซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ และให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำเข้าพลังงานเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากรัฐบาลต้องดำเนินการควบคู่กับไปกับการลงทุน การส่งเสริมความร่วมมือ และการแก้ปัญหามาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มปรับปรุงกฎระเบียบและเฝ้าระวังสินค้าสวมสิทธิเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน กกร. คาดว่ามาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ อาจกระทบจีดีพีไทย 0.2-0.6% โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี ซึ่งเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานโลก รวมถึงต้องจับตาสินค้าจีนทะลักเข้าไทยหลังถูกกันไม่ให้เข้าตลาดสหรัฐฯ

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ