
จากเหตุแผ่นดินไหว ส่งผล ตึก สตง.(สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) แห่งใหม่ ย่านจตุจักร มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท พังถล่มลงมา ภายใต้ ข้อสันนิษฐานทางวิศวกรรม ว่า อาจมาจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน อีกทั้ง คุณภาพวัสดุก่อสร้าง อย่าง คอนกรีต และ เหล็ก ไม่แข็งแรงและเหนียวเพียงพอ
ก่อนสืบพบ เป็นการดำเนินการรับเหมาก่อสร้าง โดย กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ก่อสร้าง เบอร์ต้นของประเทศไทย และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นคนไทย 51% และคนจีน 49% แต่กลับมีข้อสงสัยว่า อาจเป็นธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) หรือไม่
อีกด้าน ข้อมูลตรวจสอบคุณภาพ "เหล็กข้ออ้อย" ที่ใช้ในก่อสร้างอาคาร สตง.บางส่วน ซึ่งผลิตโดยบริษัท “ซิน เคอ หยวน สตีล” ซึ่งมีที่ตั้งโรงงาน อยู่ในจังหวัดระยอง โดยพบทุนจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดนั้น ก็เป็น “เหล็ก” ที่ผลิตไม่ตรงตามมาตรฐานคุณภาพเช่นกัน
ย้อนไป ที่ผ่านมา การรุกคืบของทุนจีนในไทย จนยกระดับให้ “ไทย” เป็นศูนย์กลางการค้าของจีนในอาเซียน แม้ในแง่ดี จีนช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของไทย เกิดการจ้างงาน และรายได้
แต่อีกด้าน ต้องยอมรับว่า ธุรกิจจีนบางส่วน มีการใช้ระบบ "ทุนจีน-แรงงานจีน-ขายให้คนจีน" ทำให้เงินไม่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย อย่างที่ควรจะเป็น และสร้างผลกระทบทางสังคม และ ความเสี่ยงหลายด้าน
ยกตัวอย่าง ธุรกิจจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น ร้านอาหาร ธุรกิจค้าปลีก และตลาดออนไลน์ อาจทำให้ธุรกิจ SME ไทยแข่งขันได้ยาก การเข้ามาของทุนจีนในภาคอุตสาหกรรมอาจทำให้ไทยกลายเป็นแค่ "ฐานการผลิต" โดยไม่มีเทคโนโลยีถ่ายทอด
ยังมีกรณีที่นักธุรกิจจีนตั้งบริษัทในไทย โดยใช้คนไทยเป็นนอมินี กรณีแรงงานผิดกฎหมาย หรือแรงงานจีนเข้ามาแย่งงานคนไทย ตั้งฐานฟอกเงิน บางส่วนเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ อย่างน่ากังวล
Thairath Money เจาะสถิติ อ้างอิง แค่ข้อมูลรายงานและสถิติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) พบในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเรา มี เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากจีนที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มูลค่าสูงถึง เกือบ 5 แสนล้านบาท
ปี 2567 : 743 โครงการ มูลค่า 174,440 ล้านบาท
ปี 2566 : 430 โครงการ มูลค่า 159,387 ล้านบาท
ปี 2565 : 158 โครงการ มูลค่า 77,381 ล้านบาท
ปี 2564 : 112 โครงการ มูลค่า 38,567 ล้านบาท
ปี 2563 : 164 โครงการ มูลค่า 31,465 ล้านบาท
นั่นทำให้จีนกลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทุนเหล่านี้ถูกนำไปพัฒนาในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน โรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์
อีกทั้ง จีนยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรการค้าที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะในภาค อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการผลิต ซึ่งช่วยให้ไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น ทุนจีนยังช่วยดึงดูด ซัพพลายเชนระดับโลก ให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย ถูกมองโดยรัฐบาล ว่านี่คือโอกาสสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
แต่นั่นก็มาพร้อมกับคำถามสำคัญเช่นกันว่า เงินลงทุนจากจีนเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หรือเป็นความเสี่ยงที่ต้องระวังหรือไม่ จากหลายๆกรณีที่เกิดขึ้น หากรัฐไม่มีการกำกับดูแลที่ดีพอ ไม่ว่าจะเป็นการต้องเข้มงวดกับมาตรฐานและกฎระเบียบ การประกอบกิจการให้มากขึ้น เรื่อยไปจนถึง เพิ่มความโปร่งใสของโครงการลงทุน ซึ่งรัฐบาลควรเปิดเผยข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติให้ประชาชนรับรู้มากขึ้น เพื่อลดความกังวลของสังคมและสร้างความมั่นใจว่าทุนต่างชาติเป็นไปเพื่อประโยชน์ของไทยจริง ๆ ปิดกั้นโอกาสที่จะกลายเป็นปัญหาที่ต้องแบกรับในอนาคต
ทั้งนี้ คำถามสำคัญที่ว่า ทำไมประเทศไทยถึงเป็นจุดหมายสำคัญของนักลงทุนจีน? อาจตอบได้ด้วย 6 ข้อ ดังนี้
1. ทำเลยุทธศาสตร์และการเชื่อมโยงกับจีน
ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน เชื่อมตลาดสำคัญ เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ที่ทำให้ไทยเป็นจุดกระจายสินค้าหลักของทุนจีน การขนส่งสะดวก ต้นทุนโลจิสติกส์ต่ำ ช่วยให้จีนบริหารซัพพลายเชนได้มีประสิทธิภาพ
2. นโยบายส่งเสริมการลงทุน
ไทยมีมาตรการดึงดูดทุนจีน เช่น สิทธิประโยชน์ BOI ดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น EV อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ "Made in China 2025"
3. ต้นทุนแรงงานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
ค่าแรงไทยแข่งขันได้เมื่อเทียบกับจีนตอนใต้ มีแรงงานทักษะสูงในอุตสาหกรรมสำคัญ รัฐบาลยังปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุนต่างชาติ
4. ตลาดภายในและกำลังซื้อ
ประชากรไทยเกือบ 70 ล้านคน ใช้สินค้าและบริการจีนเพิ่มขึ้น เช่น TikTok, Shopee และ Alipay นอกจากนี้ การท่องเที่ยวจีนยังหนุนให้ทุนจีนเข้ามาลงทุนในโรงแรม ร้านอาหาร และอสังหาริมทรัพย์
5. ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และการกระจายความเสี่ยง
สงครามการค้าทำให้บริษัทจีนใช้กลยุทธ์ "China+1" กระจายการผลิตออกจากจีน ไทยได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้ ด้วยนโยบายต่างประเทศที่เป็นกลางและเปิดรับการลงทุนจากทุกฝ่าย
6. วัฒนธรรมและความสัมพันธ์ไทย-จีน
ไทยมีชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ นักลงทุนจีนคุ้นเคยและมั่นใจในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ยิ่งกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney