
พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ไทย 36-37% ว่า รู้สึกตกใจที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีไทยในอัตราสูงมาก เกินกว่าความคาดหมาย โดยสหรัฐฯ ได้คำนวณจากอัตราภาษีที่คู่ค้าเก็บจากสหรัฐฯ และสหรัฐฯ เก็บจากคู่ค้า รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ ซึ่งของไทยคำนวณได้ 72% และหาร 2 เท่ากับ 36%
อย่างไรก็ตาม รมว.พาณิชย์กล่าวด้วยว่า ไม่ต้องห่วง เพราะไทยมีคณะทำงานที่เตรียมความพร้อมในการเจรจากับสหรัฐฯ ไว้แล้ว และมีความหวังว่าเราจะสามารถเจรจาต่อรองเพื่อให้สหรัฐฯ ลดภาษีลงได้ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ 3% หรือไม่ ขณะนี้ยังบอกไม่ได้
“ไทยพร้อมเจรจาตลอดเวลา รอแค่ว่าสหรัฐฯ จะรับนัดเมื่อไร แต่การขึ้นภาษีครั้งนี้ ทุกประเทศได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด แต่เราจะเจรจาให้สหรัฐฯ ลดภาษีให้ และมีความหวังว่าจะสำเร็จ”
ด้านวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คำประกาศจากสหรัฐฯ เมื่อรุ่งเช้าวันนี้ (ตี 3 ตามเวลาประเทศไทย) ถือว่าเกินความคาดหมายสำหรับไทย อีกทั้งเอกสารที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถือตอนแถลงข่าวอยู่ที่ 36% แต่ในเอกสารประกอบคำสั่งฝ่ายบริหารอยู่ที่ 37% และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยยังมีเวลาที่จะเจรจาต่อรองได้ โดยไทยพร้อมที่จะเจรจาทุกเมื่อ รอเพียงให้สหรัฐฯ นัดมา ถ้าเดินทางไปไม่ทัน ก็จะมีทีมไทยแลนด์ที่เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นหัวหน้าคณะ แต่หากมีเวลาเดินทางไป รมว.พาณิชย์จะเป็นหัวหน้าคณะเจรจา
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่า ถ้าสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบไทย 11% จะทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ 7,000-8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 1 ปี แต่ขณะนี้สูงถึง 36% ก็อาจเสียหายใกล้เคียง 30,000 ล้านเหรียญฯ ถ้าหากไทยไม่ทำอะไรเลย แต่ถ้าเจรจาต่อรองแล้วเป็นผลสำเร็จ ก็อาจไม่เกิดความเสียหายหรือเสียหายลดลง ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายขยายตัว 2-3% หรือไม่นั้น ต้องคำนวณอีกครั้ง
สำหรับสินค้าไทยที่จะได้รับผลกระทบมากๆ จะเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่าสูงๆ โดย 15 สินค้าแรกที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มาก ได้แก่
สำหรับแนวทางการเจรจาต่อรองนั้น ปลัดกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า
“มั่นใจว่าจะเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ ได้ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่การเจรจาด้านการค้าสินค้าเท่านั้น แต่จะทำทุกมิติ ทั้งการค้าบริการที่สหรัฐฯ ได้ดุลไทยจำนวนมาก การลงทุน ความมั่นคง การทหาร การเป็นพันธมิตรที่ดี หรือแม้แต่ภูมิรัฐศาสตร์”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ โดยช่วงบ่ายวันนี้ (3 เม.ย.) จะหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในประเด็นต่างๆ เช่น อาจจะมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยจะกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย และมีการส่งออกไปสหรัฐฯ
สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่า อาจจะมีสินค้าจากหลายประเทศที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ได้และส่งออกมาทุ่มตลาดไทยและอาเซียนนั้น กระทรวงพาณิชย์มีคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยมี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ซึ่งทำงานล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว และเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น มีการนำเข้าสินค้าทางออนไลน์ลดลง มีตัวเลขการปราบปรามสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐานเพิ่มขึ้น มูลค่าความเสียหายของสินค้าไร้มาตรฐานที่จับกุมได้มากขึ้น
อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ยังมีมาตรการที่จะใช้ดำเนินการกับสินค้านำเข้า ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) มาตรการหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอซี) รวมถึงได้ขึ้นบัญชีสินค้าเสี่ยงที่จะสวมสิทธิประเทศไทยส่งออกไปสหรัฐฯ 49 รายการไว้แล้ว
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney