“พิชัย” แนะปลูกกล้วยแก้ราคาข้าวร่วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่รัฐสภา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้ตอบกระทู้ของนายณรงเดช อุฬารกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาราคาข้าวและการส่งเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรไทย ว่า ตนมีความห่วงใยชาวนา ทั้งตนและนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ แม้อยู่คนละพรรคก็คุยกัน ความทุกข์ชาวนาคือความทุกข์แผ่นดิน สถานการณ์ข้าวไทยช่วงเดือนพ.ย. 2567 ตนได้ติดต่อขายข้าวล่วงหน้า เพราะรู้ว่าจะมีปัญหานี้ ได้เรียกทูตจีนมาพบ และติดต่อไปที่แอฟริกาที่เป็นตลาดใหญ่ มีผู้บริโภคข้าวไทยเยอะ ปลายเดือน มี.ค.จะไปเซ็นสัญญาซื้อขายข้าว 370,000 ตัน ยืนยันขายได้แน่ ส่วนตลาดอื่นๆ พยายามหาเพิ่มเติมในการเร่งขายข้าว ไม่ได้นิ่งนอนใจ

นอกจากนี้ ยังมีแนวทางกระจายผลผลิตข้าวผ่านโมเดิร์นเทรด และผลิตข้าวถุงเพื่อดึงซัพพลายออกจากตลาด ซึ่งจะช่วยให้ราคาข้าวไม่ตกต่ำ โดยคาดว่าผลผลิตข้าวจะเริ่มเข้าสู่ตลาดมากขึ้นช่วงกลางเดือน มี.ค.นี้

นายพิชัยกล่าวว่า การแก้ปัญหาระยะยาว กระทรวงพาณิชย์จะหาพืชอื่นเพื่อสร้างรายได้ ได้ไปญี่ปุ่น ทราบว่าต้องการกล้วยล้านตันต่อปี ประเทศไทย มี 8,000 ตัน มีโควตาส่งออก 2,000 ตัน หากเร่งให้ชาวนาหรือเกษตรกรปลูกกล้วยส่งญี่ปุ่น ตนคำนวณแล้ว ผลตอบแทนต่อไร่ของกล้วยอยู่ที่แสนบาท ได้นำทูตพาณิชย์ญี่ปุ่น และผู้นำเข้าจากญี่ปุ่นมาทดลองปลูกที่ จ.นครราชสีมา 150,000 ต้น ทดลองให้ประชาชนเห็นว่าได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าจริง ให้ชาวนาปลูกพืชที่มีรายได้ยั่งยืน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีการปลูกกล้วยที่ จ.เชียงราย ทำรายได้กว่าแสนบาท เพื่อดึงดูดให้เกษตรกรมาปลูกพืชอื่น

นายพิชัย ระบุว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือชาวนา รัฐบาลจะสนับสนุนเงินช่วยเหลือ 1,000 บาทต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ โดยราคาข้าวในตลาดที่อยู่ระหว่าง 8,500 – 8,800 บาทต่อตัน ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้รวมเฉลี่ยประมาณ 10,000 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชาวนาส่วนใหญ่พึงพอใจ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างสรุปรายละเอียดของมาตรการ และคาดว่าจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยต้องขอความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อให้แนวทางช่วยเหลือครอบคลุมทุกมิติ

นายพิชัย ยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับเกษตรกรไทย และกำลังดำเนินการทั้งมาตรการระยะสั้น เช่น การพยุงราคาข้าว และมาตรการระยะยาว เช่น การขยายตลาดและส่งเสริมพืชเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมเชิญชวนเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา ให้ลงทะเบียนปลูกข้าวนาปรังก่อนวันที่ 30 เมษายน 2568 นี้ เพื่อรับเงินสนับสนุนตามมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต้องการให้เกษตรกรไทยมีรายได้ที่สูงขึ้น และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว