"พฤกษา" กับภารกิจสร้างภาพจำใหม่ จากทาวน์เฮ้าส์ บ้านหลังแรกของคนไทย สู่ บ้านอัลตราลักชัวรี 50 ล้าน

Economics

Thai Economics

Tag

"พฤกษา" กับภารกิจสร้างภาพจำใหม่ จากทาวน์เฮ้าส์ บ้านหลังแรกของคนไทย สู่ บ้านอัลตราลักชัวรี 50 ล้าน

Date Time: 3 มี.ค. 2568 16:38 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

เจาะกลยุทธ์ “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” กับ ภารกิจ สร้างภาพจำใหม่ พฤกษา จากทาวน์เฮ้าส์ บ้านหลังแรก ของคนไทย สู่บ้านอัลตราลักชัวรี 50 ล้าน เป้าหมายผู้นำตลาด ในกลุ่ม เวลเนส เรสซิเดนซ์ ในวันที่อสังหาฯ Downside มูลค่าหดตัว จาก 5 แสนล้าน เหลือ 3 แสนล้าน

Latest


ต่อให้ไม่ใช่คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ แต่เชื่อว่า หลายคน น่าจะคุ้นหู ชื่อของ “ทองมา วิจิตรพงษ์พันธุ์” กันดี เพราะ นอกจาก ขึ้นแท่นเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็น“มหาเศรษฐี หัวใจติดดิน” เจ้าของวลี “ยิ่งให้ ยิ่งได้”แล้ว  

เขายังเป็น หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพล และกำหนดทิศทางการพัฒนา โครงการที่อยู่อาศัย ของประเทศไทย ในยุคๆหนึ่ง ด้วย 

ในฐานะผู้ก่อตั้ง “พฤกษา” บริษัทอสังหาฯที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นเบอร์ 1 ของตลาดในทุกๆแง่ ด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกล ของ “ทองมา” 

ทำให้ในอดีต โครงการจัดสรรของพฤกษา มีชื่อเสียงอย่างมาก และบ้านของพฤกษา โดยเฉพาะ “ทาวน์เฮ้าส์”ในราคาจับต้องได้ อยู่ในฐานะ บ้านหลังแรกของคนไทยหลายๆ คน โดยพฤกษา เคยทำยอดขายบ้านต่อปี ได้มากถึงหลัก 5 หมื่นล้านบาท เปิดโครงการในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 50 โครงการ 

"ทองมา"ไม่เพียงแต่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มุ่งหวังจะสร้างธุรกิจในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลท์แคร์

อย่างไรก็ดี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้ ความนิยมของซื้อบ้านเปลี่ยนไป โปรดักส์ของพฤกษา เริ่มไม่ตอบโจทย์กับ “กำลังซื้อ” ยุคใหม่ อีกทั้ง ตลาดทาวน์เฮ้าส์ไม่เฟื่องฟูเหมือนเดิม คนไทยระดับกลาง-ล่าง เกิดปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อ ทำให้ชื่อของ “พฤกษา” ถูกกลืนด้วยผู้พัฒนารายใหม่ๆ จนหลุดจากตำแหน่งผู้นำตลาด

เจาะผลประกอบการของ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ในภาวะ วิ่งสู้ฟัด ของบรรดาอสังหาฯไทย จากปัญหาเศรษฐกิจฟื้นช้า ของ ปี 2567 ที่เพิ่งมีการประกาศผลงานกันไปหมาดๆ

พบ “พฤกษา” มีความสามารถในการทำกำไรลดลง หลุด TOP 10 ของอสังหาฯไทย ขณะรายได้ยังอยู่ในตาราง TOP 5 อยู่ที่ 20,995 ล้านบาท ร่วงลงเกือบ 20% สะท้อนความยากลำบากของตลาดที่อยู่อาศัยไทย 

ล่าสุด ในการแถลงข่าวประจำปี 2568 ของ พฤกษา โฮลดิ้ง กับการปรากฎตัวครั้งแรก ในรอบหลายๆปี ของ “ทองมา วิจิตรพงษ์พันธุ์” หลังหวนกลับมารักษาการ CEO บริษัท อีกครั้ง เมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา 

“ทองมา” เปิดใจในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเป้าหมายใหม่ของ “พฤกษา โฮลดิ้ง” และ ความท้าทายในการทำธุรกิจอสังหาฯ ที่ต้องบอกว่า คงต้อง “รอ” จนกว่า ตลาดจะกลับมาเฟื่องฟู 

ในขณะเดียวกัน พฤกษาก็ต้องประคอง และขยับปรับไปสู่ สิ่งที่เป็นโอกาสมากกว่า ทั้ง แผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับบน ที่นำร่อง ไว้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และ การก้าวสู่ธุรกิจเฮลแคร์อย่างเต็มตัว ผ่านกลุ่มโรงพยาบาลวิมุต ที่จะช่วยให้ภาพความเป็น “เวลเนส เรสซิเดนซ์” เกิดเร็วขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ยังมีการฝากข้อเรียกร้องบางประกาศไปยังผู้กำหนดนโยบายทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศด้วย 

ตลาดอสังหาฯ เล็กลง มูลค่าวูบหาย 

“ทองมา” ในไทม์ไลน์รักษาการตำแหน่ง CEO นาน 2 ปี ระหว่าง ที่หา “มืออาชีพ” มาบริหารธุรกิจต่อ เริ่มด้วยการยอมรับว่า ปัจจุบัน ขนาดของตลาดอสังหาฯ เล็กลงกว่าอดีตที่ผ่านมา เทียบเซกเตอร์“ที่อยู่อาศัย” เคยมีมูลค่า มากกว่า 5 แสนล้านบาท 

ช่วงปีที่ผ่านมา ยอดขายรวมทั้งตลาด หดตัว 20% จากปี 2566 มาอยู่ที่ 3.13 แสนล้านบาท เป็นการลดลงทุกกลุ่มโปรดักส์ 

  • บ้านแฝด/ทาวน์เฮ้าส์ ลดลง 30%
  • บ้านเดี่ยว ลดลง 13% 
  • คอนโดมิเนียม ลดลง 23% 

ส่งผลสต็อกค้างรอขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.28 ล้านล้านบาท แม้ผู้ประกอบการจะชะลอการลงทุน ส่งผลซัพพลายเข้าใหม่หายไป 27% ก็ตาม 

เนื่องจาก มีหลายปัจจัยกระทบ และเชื่อว่าปีนี้ ยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว รอ Recover อีกสักระยะ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ยังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่ยังคงสูงอยู่ ขณะในอนาคต ขนาดตลาดที่อยู่อาศัย ก็อาจลดลงอีก 

เจ้าพ่อทาวน์เฮ้าส์ ชี้ นอกจากปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัย เผชิญกับความท้าทาย จากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาใหญ่สุด คือ “คนซื้อ” บ้าน กู้สินเชื่อธนาคารลำบาก 

ภายใต้การเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ในเรื่องนี้ “ทองมา” กล่าวว่า การปรับขึ้นลง “ดอกเบี้ย” เป็นกลไก ของผู้กำกับดูแลนโยบายการเงิน ที่ไม่สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยภายในประเทศเท่านั้น 

แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ “ดอกเบี้ย” ของต่างประเทศด้วย อีกทั้ง ประเมินว่า การลดดอกเบี้ย เป็นเรื่องที่มีจำกัด และคงไม่สามารถลดไปได้มากกว่านี้แล้ว และแม้เรื่อง “ดอกเบี้ย” จะสำคัญกับการซื้อบ้าน 

แต่อุปสรรคแท้จริงในปัจจุบัน กลับมองว่า เป็นการบังคับใช้ มาตรการ LTV (Loan to Value) หรือ การกำหนดเพดานสินเชื่อ ที่ทาง ธปท. กำหนดขึ้น ทำให้ การกู้ซื้อบ้าน ได้ “วงเงิน”ไม่เต็มราคา 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ธปท.อยู่ระหว่าง อาจพิจารณาผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวชั่วคราว ซึ่งตนเอง ถือเป็นสัญญาณที่ดีของตลาดที่อยู่อาศัย ช่วยกระตุ้น “กำลังซื้อ” 

เพราะคนไทยยังอยากได้บ้าน ต้องการบ้านอยู่ ถ้าลดมาตรการ LTV หรือ เงื่อนไขลงสัก 1-2 ปี กู้ได้ 100 % ในทุกระดับราคา บวก TOP UP (สินเชื่อเพิ่ม) 10% ค่าเฟอร์นิเจอร์ ก็จะช่วยให้ อสังหาฯ มีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้ 

ภารกิจ พฤกษากู้ "กำไร" สู่หลักพันล้าน 

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย (Resilient Growth Strategy) ยอมรับ ภาวะเศรษฐกิจไทย และ โลก ซบเซาลง ตลาดอสังหาฯ หดตัว downside แต่ธุรกิจยังต้องเดินต่อ และมีภารกิจ กู้กำไร กลับสู่ หลัก “พันล้าน” อีกครั้งให้ได้นั้น การปรับตัว และหาโอกาสใหม่ๆ จึงต้องเข้มข้นขึ้น 

ในปี 2568 พฤกษา ได้กำหนดกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการเติบโต เดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการอยู่อาศัยที่ผสานความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ควบคู่การบริการด้านสุขภาพ 

โดยตั้งเป้ารายได้รวม 23,500 ล้านบาท โฟกัสธุรกิจหลักอสังหาริมทรัพย์ และเฮลท์แคร์  ไฮไลท์สำคัญ คือ การปรับพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนตลาดบ้านระดับกลางถึงบน  ผ่านเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท แบ่งเป็น 

  • ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ มูลค่า 4,900 ล้านบาท 
  • บ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท
  • คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 8,100 ล้านบาท 

คีย์หลัก คือ การเน้นพัฒนาโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์ และโครงการที่มีจุดเด่นด้านทำเล จากจุดแข็งการเป็น แลนด์ลอร์ดใหญ่ของวงการที่ดิน 

เจาะในปี 2568 พฤกษา จะมีการเปิดตัวแบรนด์ระดับบนหลายโครงการ เช่น The Palm, The Reserve และ Chapter โดยมีสัดส่วนสินค้าในกลุ่มราคามากกว่า 7 ล้านบาท ราว 50% และโครงการที่ใกล้เมืองมากขึ้นและมีขนาดเล็กลง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน 

ตั้งเป้ายอดขายที่ 19,800 ล้านบาท และยอดขายผ่านโครงการ JV อีก 3,200 ล้านบาท รวมถึงยอดโอน 18,700 ล้านบาท และยอดโอนผ่านโครงการร่วมทุน อีก 1,600 ล้านบาท 

เปิดโครงการไฮไลท์ เช่น 

  • The Palm  เเจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์ 2  โครงการบ้านหรู ราคา 15-30 ล้านบาท
  • The Palm Courtyard บางนา กม.8 โครงการบ้านหรู ราคา 15-30 ล้านบาท 
  • The Palm Residency วิภาวดี  โครงการราคา 20-30 ล้านบาท
  • The Reserve วิลล่า สุขุมวิท 89/1 การนำแบรนด์คอนโดฯดัง มาสู่แนวราบ ครั้งแรก ใน ราคา 50 ล้านบาท

ปีนี้ พฤกษา ประกาศปรับสัดส่วนโครงการแนวราบ จาก ทาวน์เฮาส์ ต่อ บ้านเดี่ยว อย่างชัดเจน จาก 60:40 เป็น 50:50 

ทั้งนี้ ระบุว่า เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน และเพิ่มกลยุทธ์เสริม ด้วยการการแบ่งโซนนิ่ง ครอบคลุมเป็น 6 โซนหลัก ในพิ้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จุดแข็งที่แตกต่างจากอสังหาฯรายอื่นๆ คือ การมีโรงงานผลิตพรีคาสท์และ ก่อสร้าง เป็นของตัวเอง 

พฤกษา ยังให้ข้อมูลว่าจะพัฒนาโปรดักส์ แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับ Ultra-premium segment เช่น THE RESERVE, THE PALM ให้เป็น “เวลเนส เรสซิเดนซ์” สร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยจุดต่างในตลาด 

ขยายกลุ่มโรงพยาบาลวิมุต รับเทรนด์ตลาดสุขภาพเติบโตสูง จุดแข็งพฤกษาเชื่อมต่อธุรกิจ

อีกกลุ่มธุรกิจสำคัญของพฤกษา คือ ด้านเฮลท์แคร์การดูแลสุขภาพ ผ่านการขับเคลื่อนของกลุ่มโรงพยาบาลวิมุต ที่ “ทองมา” ระบุว่า นี่ต่างหาก ที่เป็นโอกาสอย่างแท้จริง เนื่องจากเห็นแนวโน้มเติบโตนาน 10 ปี จากความมีชื่อเสียงทางการแพทย์ของไทย ผู้คนหันมาดูแล รักษา สุขภาพ ในทุกมิติ นี่เอง ทำให้พฤกษา ยังมีแผนขยายโรงพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อรองรับดีมานด์มหาศาล ซึ่งในระยะ 3 ปีข้างหน้า กลุ่มโรงพยาบาลวิมุต จะมีเตียงรองรับผู้รับบริการ มากกว่า 600-700 เตียง 

เปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มอีก 3 แห่ง บริเวณย่านทองหล่อ สุขุมวิท และปิ่นเกล้า  โดยจะสร้างความร่วมมือกับธุรกิจในกลุ่มพฤกษา เพื่อยกระดับที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพและสร้างรายได้เพิ่มเติมอีกด้วย 

นอกจากนี้ พฤกษา ยังจะลงทุนเพิ่มเติม ในธุรกิจพรีคาสท์และก่อสร้าง เตรียมขยายการผลิตและนำเสนอบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยโรงงานพรีคาสท์ซึ่งเป็นโรงงานสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิต 5.2 ล้านตารางเมตรต่อปี และยังเป็นโรงงานปลอดขยะ (Zero-Waste) และลดคาร์บอนแห่งแรก ในปี 2568

ทั้งนี้ ธุรกิจพรีคาสท์ตั้งเป้ารายได้ 2,100 ล้านบาท เน้นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดให้มากขึ้น เช่น ผนังน้ำหนักเบา (Lightweight Wall) กำแพงกันดิน (Retaining Wall) และรั้วสำเร็จรูป (Project Fence) ในขณะที่ธุรกิจก่อสร้างตั้งเป้ารายได้ 5,400 ล้านบาท มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าทั้ง B2B และ B2C สำหรับการสร้างบ้านในระดับราคา 10 - 30 ล้านบาท อีกด้วย 

ทั้งหมด อาจเรียกได้ว่า "พฤกษา" ทั้งรุกและรับ ผสาน 2 จุดแข็งธุรกิจในมือ เพื่อรักษาข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ในวันที่ไม่มีคำว่า "ง่าย" อีกต่อไป.

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

อุมาภรณ์ พิทักษ์

อุมาภรณ์ พิทักษ์
เศรษฐกิจ การเงิน ลงทุน และ อสังหาริมทรัพย์