ไทยส่อโดนหางเลขเต็มๆ พาณิชย์ขยับรับมือสหรัฐฯ ใช้ภาษีโต้กลับ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกรณีที่สหรัฐฯเตรียมใช้ภาษีศุลกากรแบบตอบโต้กับประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ และเตรียมเก็บภาษีนำเข้ายานยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ อีกราว 25% ตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้ ว่า ไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากที่หน่วยงานต่างๆจะส่งผลการทบทวนและการตรวจสอบการดำเนินนโยบายการค้าของประเทศต่างๆทั่วโลกไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงการเตรียมผลักดันเสนอร่างกฎหมายการค้าต่างตอบแทนต่อสภาคองเกรสในอนาคตด้วย

“หน่วยงานของสหรัฐฯกำลังดำเนินการตามข้อสั่งการประธานาธิบดีภายใต้นโยบายการค้าสหรัฐฯต้องมาก่อน ที่สั่งการให้กระทรวงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนนโยบายเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนกับประเทศคู่ค้าทั่วโลก และให้รายงานผล ข้อเสนอแนะ และการดำเนินการที่เหมาะสมไปยังประธานาธิบดีภายในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งหากมีการดำเนินมาตรการใดๆ ไทยอาจได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยข้อสั่งการมี 4 ด้านสำคัญ คือ 1.ทบทวนและตรวจสอบการค้าของประเทศคู่ค้าทั่วโลก 2.ทบทวนความตกลงทางการค้าของสหรัฐอเมริกา 3.ทบทวนความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน และ 4.ตรวจสอบประเด็นที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ”

จากการติดตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในรอบ 1 เดือน ที่ได้ปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10%, ปรับขึ้น ภาษีนำเข้าสินค้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม จากทุกประเทศ 25% และล่าสุดเตรียมใช้ภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ ตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้นั้น จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในสินค้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ รวมถึงอะลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ เพราะสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของเหล็กไทย ซึ่งในปี 67 ไทยส่งออกสินค้าในรายการที่จะถูกใช้มาตรการทางภาษีประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 16.8% ของมูลค่าส่งออกเหล็กไปยังสหรัฐฯ ขณะเดียวกันสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม ซึ่งปี 67 ไทยที่ส่งออกสินค้าในรายการที่จะถูกใช้มาตรการทางภาษีเกือบ 380 ล้านเหรียญ สัดส่วน 72.8% ของมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมไปสหรัฐฯ แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นถือว่าไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่า เพราะสหรัฐฯมุ่งเป้าไปยังประเทศข้างเคียงในทวีปอเมริกา ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดในสหรัฐฯเกินกว่า 50% ของมูลค่าส่งออกสินค้านั้นๆ.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่