
ปี 2568 เป็นอีกปี ที่ดีเวลลอปเปอร์ชื่อดังหลายราย ออกมายอมรับว่า เป็นปีแห่งความท้าทาย ของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะ ตลาดที่อยู่อาศัย เพราะ คนไทยยังเผชิญกับปัญหา “กำลังซื้อ” ต่ำ และ กู้ซื้อบ้านยาก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ขณะเดียวกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของทั่วโลก ได้ส่งผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีราคาค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนเริ่มหันมาเลือก "การเช่า" แทนการซื้อบ้าน นี่คือที่มาของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Generation Rent" หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เลือกเช่าที่อยู่อาศัยแทนการซื้อบ้านเป็นของตนเอง
สอดคล้อง กับมุมมองของ “เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” หรือ ดร.ยุ้ย หญิงแกร่งในภาคอสังหาฯไทย ที่ระบุว่า ปัจจุบัน “ผู้ซื้อบ้าน”มีเหตุผลหลายประการที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการเงิน ไลฟ์สไตล์ และความมั่นคงในอาชีพ อีกทั้งราคาที่ดินและอสังหาฯ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเป็นเจ้าของบ้านกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น สำหรับคนรุ่นใหม่ที่แบกรับภาระหนี้สินจากการศึกษา การกู้ซื้อรถยนต์ หรือการใช้บัตรเครดิต การซื้อบ้าน จึงกลายเป็นภาระที่หนักเกินไป
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตและอาชีพการงานที่ไม่มั่นคงทำให้การผูกมัดกับสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเช่นบ้านกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ เพราะผู้คนในยุคนี้ต้องการความยืดหยุ่นและอิสระในการตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทเห็นสภาพปัญหา และเห็นเทรนด์ดังกล่าว จึงได้ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมียอด Pre-Sales สูงถึง 12,500 ล้านบาท
โดยเฉพาะโครงการ LivNex เช่าออมบ้าน ที่มียอดขาย 1,900 ล้านบาท จาก 976 ยูนิต และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 6,515 ล้านบาท สะท้อนการตอบรับของผู้บริโภค
สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจปีนี้ บมจ.เสนาฯ ตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ 12 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 11 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท
โดยยังคงเน้นตลาด Affordable Segment (ราคาเข้าถึงได้) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสนาครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 20% หรือมากกว่า 20,000 ยูนิต ผ่านแบรนด์ เสนา คิทท์ (SENA Kith) และ โคซี่ (Cozi) ภายใต้การตั้งเป้ายอดขายทั้งปี ที่15,500 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์ 10,000 ล้านบาท
โดย ผู้บริหารเสนาฯ ระบุว่า ปัจจุบัน บมจ.เสนาฯ เป็นผู้นำตลาด Affordable เพราะมีบ้านและคอนโดฯ ในกลุ่มราคา 1-3 ล้านบาท รวม 12,600 ยูนิต มูลค่ารวม 30,600 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์ ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 54% ของครัวเรือนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ซึ่งแม้ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหลายรายมองว่า เป็นตลาดที่มีความเสี่ยง เพราะผู้ซื้อส่วนใหญ่มักกู้ไม่ผ่าน แต่บริษัทเชื่อมั่นและจะโฟกัสให้มากยิ่งขึ้น เพราะตลาดบ้าน1-3 ล้านบาท เป็นตลาดใหญ่สุดของตลาด เนื่องจากขนาดประชากรและความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกทั้งยังสอดรับกับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่มุ่งเน้นการขยายฐานที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อย
ทั้งนี้ บริษัทยังมีกลยุทธ์รองรับในการส่งเสริมการขาย ที่นับเป็นเจ้ารายในไทย ที่มีนวัตกรรมการเงินเป็นของตัวเอง โดยก่อนหน้า เสนาฯ ออกโมเดลที่มีชื่อว่า LivNex
ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีจำนวนยูนิตภายใต้โครงการ LivNex กว่า 527 ยูนิต มูลค่ารวม 1,029 ล้านบาท และผ่านเกณฑ์เข้าร่วมโครงการ LivNex จำนวน 401 ยูนิต มูลค่า 779.69 ล้านบาท คิดเป็น 75.75% จากยอดที่สมัครเข้าโครงการ LivNex
โดย LivNex ออกแบบมาให้ลูกค้าสามารถสะสมเงินค่าเช่าเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์ในอนาคต ปัจจุบันมีโครงการของบริษัทที่เข้าร่วม LivNex จำนวน 47 โครงการ
สำหรับในปีนี้ มีกลยุทธ์เพิ่มเติมอีก 1 กลยุทธ์ คือ “RentNex” Subscription คอนโด โมเดลของวงการอสังหาฯ เพิ่มโอกาสให้คนมีที่อยู่อาศัย ได้ในทุก ๆ Generation โดยตอบโจทย์หลัก กับกลุ่ม Gen Rent โมเดลเช่าคอนโดรูปแบบใหม่ โดยใช้ระบบสมัครสมาชิก (Subscription Model) ที่ได้รับความนิยมจากธุรกิจต่างๆ เช่น Netflix, YouTube Premium, Spotify Premium และ Canva Pro
โมเดลนี้ช่วยให้ผู้เช่าสามารถเลือกเช่าคอนโดจาก 25 โครงการคุณภาพของเสนาได้ตามต้องการ ครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ มาพร้อมความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัยตามไลฟ์สไตล์ส่วนตัว โดยไม่ต้องแบกรับภาระการเป็นเจ้าของ และสามารถเลือกที่พักตามความต้องการได้อย่างง่ายดาย เริ่มต้น 6,700 บาท/เดือน เป็นต้น
“เราเคยอยู่ในโลกที่มีแค่ 2 ทางเลือก คือ ซื้อ กับ เช่า เพื่ออยู่อาศัย แต่ปัจจุบัน ด้วยข้อจำกัดต่างๆทางเศรษฐกิจ ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ เราไม่จำเป็นต้องเช่า โดยที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ หรือ ยอมซื้อกู้ยาว 30 ปี แต่มีทางเลือกตรงกลางให้เลือก และยืดหยุ่นกว่า ไม่จำกัดแค่การซื้อขาด แถมย้ายที่อยู่ไปได้เรื่อยๆ”
ทั้งนี้ บริษัท ยังเดินหน้าแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House concept) ซึ่งปัจจุบันพัฒนา 42 โครงการ รวมจำนวน 4,290 ยูนิต และอีกขั้นของการพัฒนาที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต บ้าน ZEH (Zero Energy House ) New Model บ้านเดี่ยวติดโซลาร์รูฟพร้อมแบตเตอรี่ กับ Segment High Class “Grand Serie” และ เตรียมเปิดตัวครั้งแรก ที่โครงการ เสนา พาร์ค แกรนด์ กม. 9 (SENA Park Grand Ramindra KM.9)
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney