
ผู้สื่อข่าวรายงานราคาทองคำวันที่ 11 ก.พ.68 เปิดตลาดช่วงเช้าทะยานขึ้นไปสูงสุด ราคาทองแท่งขายออกบาทละ 47,450 บาท รับซื้อ 47,350 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 800 บาท ราคาทองรูปพรรณขายออกที่บาทละ 47,950.00 บาท รับซื้อ 46,495.72บาท เป็นผลจากราคาทองคำโลกในตลาดซื้อขายทันทีขึ้นไป 2,942.51 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ พิ่มขึ้น 34.07 เหรียญฯ ขณะที่เคลื่อนไหวผันผวนตลอดทั้งวัน ทำให้่สมาคมค้าทองคำประกาศราคาขึ้นลงถึง 27 ครั้ง โดยล่าสุดเวลา 17.0 5น. ราคาทองแท่งขายออกอยู่ที่ 46,850 รับซื้อ 46,750บาท เพิ่มขึ้น 250 บาท
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) เปิดเผยว่า ราคาทองคำโลกล่าสุดวันที่ 11 ก.พ.68 ได้ปรับขึ้นไปทำราคาสูงสุดใหม่ตลอดกาล ดันราคาทองในประเทศทะยานต่อ โดยทองคำแท่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 47,450 บาทต่อบาททองคำเข้าใกล้ราคาเป้าหมายที่ YLG มองไว้ที่ 3,000 เหรียญฯและทองไทยบาทละ 48,000 บาท ไปจนถึง 50,000 บาท หากได้อานิสงส์เพิ่มจากเงินบาทอ่อนค่า ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทองคำขึ้นมาจาก 4 ปัจจัย 1.ความกังวลในความไม่แน่นอนนโยบายของทรัมป์ 2.ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น 3.ความคาดหวังนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง หนุนให้ราคาทองคำสูงขึ้น และ 4.การซื้อทองคำของธนาคารกลางยังเพิ่มขึ้น
ด้านสภาทองคำโลก (WGC) ได้เปิดเผยข้อมูลความต้องการทองคำทั่วโลก ที่รวมปริมาณการซื้อขายทองคำนอกตลาดหลักทรัพย์ (OTC) ซึ่งได้ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ด้วยรวม 4,974 ตัน โดยประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่มีความแข็งแกร่งในปี 67 และมีปริมาณความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ที่จำนวน 39.8 ตัน เติบโตสูงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า