กทพ. กางแผนลงทุนโครงการยักษ์ปี 68 ลุยสองทางด่วน 3 หมื่นล้าน

กทพ.เปิดรายได้ปี 2567 พุ่ง 1.9 หมื่นล้านบาท ทำกำไรโต 3% กางแผนลงทุนปี 2568 เดินหน้า 2 โครงการเรือธง ทางด่วนภูเก็ตและทางด่วนเกษตร เม็ดเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท คาดเสนอ ครม.ไตรมาส 1 พร้อมเร่งเปิดประมูลทันที ได้ตัวผู้รับเหมา ต.ค.นี้ ลุยก่อสร้างปี 2569 แล้วเสร็จเปิดบริการปี 2572

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ กทพ.ในปี 2567 โดยระบุว่า ในช่วงปีดังกล่าว กทพ.มีรายได้รวมประมาณ 19,177.08 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ค่าผ่านทาง 13,465.27 ล้านบาท และรายได้อื่น 5,711.81 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 1-2% ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นราว 2-3% ซึ่งเกิดจากการลดต้นทุนบริหารจัดการ รวมไปถึงการปรับลดพนักงานให้สอดคล้องกับการนำเอาเทคโนโลยีมาบริการผู้ใช้ทางแทน ทำให้จำนวนพนักงานจาก 5,500 คน ปัจจุบันเหลือราว 5,000 คน

ในปี 2568 กทพ.ยังคงมีแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษเพื่อให้บริการผู้ใช้ทาง และเพิ่มรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการผลักดัน 2 โครงการเรือธงปีนี้ วงเงินลงทุนรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ช่วงถนนประเสริฐมนูกิจ – ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ มูลค่าลงทุน 16,960 ล้านบาท และโครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง มูลค่าลงทุน 14,670 ล้านบาท

โดยสถานะปัจจุบัน 2 โครงการ คาดว่าจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาภายในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งโครงการดังกล่าว กทพ.ได้ศึกษารายละเอียดและเตรียมพื้นที่เพื่อเริ่ม
งานก่อสร้างทันที หากผ่านการเห็นชอบจะเปิดประกวดราคาในช่วงกลางปี คาดว่าจะได้ผู้ชนะในเดือน ต.ค.2568 เริ่มก่อสร้างต้นปี 2569 และเปิดให้บริการปี 2572

นายสุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า กทพ.ยังคงรูปแบบดำเนินโครงการทางด่วนภูเก็ต แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร โดยขณะนี้จะเร่งดำเนินการส่วนระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ก่อน เนื่องจากโครงสร้างงานนี้จะเป็นการก่อสร้างงานอุโมงค์ จึงคาดว่าต้องใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปีแล้วเสร็จ ส่วนระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่- เกาะแก้ว-กะทู้ คาดว่าจะเสนอ ครม.ภายในปี 2569 เนื่องจากคาดว่าเส้นทางนี้จะใช้เวลาก่อสร้างราว 3 ปีแล้วเสร็จ

นอกจากนี้จะผลักดันโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ใต้ทางพิเศษมาเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน อาทิ พื้นที่บริเวณใต้ทางพิเศษเพลินจิต พื้นที่ประมาณ 4.5 ไร่, โครงการการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางในเขตทางพิเศษบริเวณบางโปรง พื้นที่ 60 ไร่ ซึ่งโครงการนี้ กทพ.ศึกษามูลค่าลงทุนรวมประมาณ 2,324 ล้านบาท โดยจะเปิดประมูลจัดหาเอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net cost สถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณา คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ภายในปีนี้.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่