นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ .... เกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียมการยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ในชั้นบังคับคดี เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน แบ่งเบาภาระของประชาชนในการดำเนินคดี และการชำระหนี้ ช่วยสนับสนุนให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้มากขึ้น ลดปริมาณการบังคับคดีในชั้นบังคับคดี และช่วยลดภาระจ่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบางประการที่ไม่จําเป็น
โดยการปรับอัตราค่าธรรมเนียมมี 5 เรื่องดังนี้ 1.ค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายโดยวิธีอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัด เดิมคิด 3% เหลือ 2% ของเงินที่ขายหรือจำหน่าย 2.ค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินที่ยึดหรืออายัดแก่เจ้าหนี้ เดิมคิด 2% เหลือ 1% ของเงินที่ยึดหรืออายัด 3.ค่าธรรมเนียมการยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย เดิมคิด 2% ปรับเป็นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 4.ค่าธรรมเนียมการยึดหรืออายัดเงินหรืออายัดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย เดิมคิด 1% ปรับเป็นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 5.ค่าธรรมเนียมการขายโดยวิธีประมูลระหว่างคู่ความ เดิมคิด 2% เหลือ 1% ของราคาประมูลสูงสุด
น.ส.ศรินทร เลืองวัฒนะวณิช โฆษกกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ปัจจุบันมีหมายบังคับคดีในคดีแพ่งที่ส่งให้ไปกรมบังคับคดี 4,199,425 คดี แบ่งเป็น หมายบังคับคดีที่เจ้าหนี้ไปตั้งเรื่องทำการยึดอายัดกับกรมบังคับคดีแล้ว 844,553 คดี ทุนทรัพย 1 ล้านล้านบาท และเป็นหมายบังคับคดีที่รอเจ้าหนี้ไปดำเนินการขอยึดอายัดทรัพยสินของลูกหนี้อีก 3,354,872 คดี มีทุนทรัพย์ 16.93 ล้านล้านบาท หากกฎหมายฉบับใหม่มีผลบังคับใช้จะทำให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากเดิมเฉลี่ยปีละ 1,500 ล้านบาท ลดลง 500-600 ล้านบาท หรือ 35% ของรายได้ที่เรียกเก็บ