นายมนาเทศ อันนวัฒน์ เพรสซิเดนท์ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ยื่นเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในการปรับปรุงสิทธิพิเศษของบัตร 8 ข้อ เพื่อยกระดับการให้บริการให้ดีขึ้น ทำให้บัตรสามารถแข่งขันได้ดีมากขึ้น
โดยตัวเลขเป้าหมายในการจำหน่ายบัตรปี 2568 นี้ ยังต้องรอดูนโยบายของภาครัฐร่วมกับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ขอไป และปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การได้รับผลกระทบจากที่กระทรวงมหาดไทยเพิ่มการตรวจลงตรา (วีซ่า) ประเภทใหม่ (ดีทีวี) ซึ่งอนุญาตให้คนต่างชาติอยู่ในประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกลเป็นกรณีพิเศษได้ครั้งละไม่เกิน 180 วัน และต่อได้อีกไม่เกิน 180 วัน อายุการตรวจลงตรา 5 ปี ที่มีผลเดือนส.ค. 2567 โดยเสียค่าธรรมเนียมเริ่มต้น 10,000 บาท ขณะที่บัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ราคาถูกสุดอยู่ที่ 650,000 บาท มีอายุตรวจลงตราหรืออยู่ในไทยได้ 5 ปีเหมือนกัน
ทั้งนี้ เมื่อราคาต่างกัน ได้วีซ่าพำนักในไทย 5 ปีเหมือนกัน จึงส่งผลกระทบกับยอดขายของทางทีพีซี หากดูในภาพรวมเป็นเรื่องดี ที่รัฐบาลอยากได้ชาวต่างชาติจำนวนมากเข้ามาอยู่ในไทยระยะยาว เป็นการต้อนรับดิจิทัล นอแมด หรือคนที่ทำงานผ่านระบบออนไลน์ สามารถทำงานที่ใดในโลกก็ได้ แต่จากเป้าหมายให้คนนอกประเทศเข้ามาในไทย ดันกลายเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทยอยู่แล้ว บินออกไปนอกประเทศ แล้วกลับเข้ามาใหม่ จริงๆ ถ้าเพิ่มเงื่อนไขว่าให้พำนักได้สูงสุด 180 วัน สามารถต่อได้อีกสูงสุด 30 วัน และ 180 วันก่อนหน้านี้ต้องไม่ได้พำนักในประเทศไทย จะได้คนใหม่ล้วนๆ
“อยากให้รัฐบาลมีการบูรณาการเรื่องวีซ่าต่างๆ เพราะปัจจุบันวีซ่าใหม่ที่ออกมาก็ฆ่าวีซ่าเก่าๆ ควรจะมีหน่วยงานกลางคอยกำกับดูแล เพื่อไม่ให้วีซ่าประเภทต่างๆ มาฆ่ากันเอง แบ่งแยกไม่ให้ทับซ้อนกัน ไม่ไปกินกันเอง”