
“หอการค้าไทย” เตรียมชงประเด็นนายกฯอิ๊งค์ เจรจาทางการจีน แก้ปัญหา อุปสรรคการค้าไทย–จีน จี้หน่วยงานไทยใช้มาตรการเด็ดขาด ตั้งเซอร์ชาร์จ ห้ามนำเข้าสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน ศูนย์แก้ปัญหาสินค้าเสียหายในไทย ขณะที่ศึกจากอเมริกาก็ต้องระวังไม่แพ้กัน ชี้มีทั้งผลบวกและผลร้ายต่อเศรษฐกิจไทย
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรีไทยจะเดินทางเยือนจีน โดยหอการค้าไทยอยู่ระหว่างรวบรวมประเด็นต่างๆ ที่จะนำเสนอให้นายกฯหยิบยกขึ้นเจรจากับจีน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ลดปัญหาและอุปสรรคระหว่างกันให้มากขึ้น รวมถึงต้องการให้การทำธุรกิจในไทยถูกต้องตามกฎหมายไทย เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม ขณะเดียวกัน หอการค้า ไทยเตรียมหารือกับสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (CCPIT) ที่อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนไทย ในประเด็นเดียวกันด้วย
ทั้งนี้ สำหรับข้อกังวลของภาคธุรกิจเกี่ยวกับการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูก และไร้มาตรฐาน โดยเฉพาะจากจีนนั้น ต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเข้มงวด และจริงจังโดยอยู่บนพื้นฐานของการค้าเสรีและเป็นธรรม (Free and Fair Trade) อย่างกรณีสินค้าที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ หน่วยงานไทยต้องตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย หากตกมาตรฐานก็ต้องห้ามนำเข้า หรือหากสินค้าส่งถึงมือผู้บริโภคเกิดความเสียหาย รัฐบาลไทยก็ต้องออกกฎหมายให้แพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องตั้งศูนย์รับสินค้าเสียหายในไทย และส่งสินค้าใหม่ให้ทดแทน
“แต่หากเป็นสินค้าที่เข้ามาอย่างถูกต้องทุกอย่าง แต่รัฐบาลจีนมีการอุดหนุนการส่งออก หรืออุดหนุนด้านต่างๆ ทำให้ต้นทุนลดลง และขายได้ในราคาต่ำ ถือว่าไม่เป็นธรรม (unfair) รัฐบาลไทยก็ต้องตั้งเซอร์ชาร์จเลย หรืออย่างความกังวลว่าจีนเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว จะนำเข้าสินค้าต่างๆ เข้ามาด้วย โดยไม่ใช่สินค้าไทย และทำให้ไทยเสียประโยชน์ เช่น กรณีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนในไทยเลย ถ้าเป็นไปได้ อยากให้จีนหาพาร์ตเนอร์ในไทย ซึ่งเข้าใจว่า น่าจะได้รับความร่วมมือจากจีน เพราะทางการจีนไม่ต้องการให้เกิดการทำเรื่องผิดกฎหมายในไทย”
นายสนั่น อังอุบลกุล ยังได้กล่าวถึงการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ว่า ทรัมป์เป็นคนที่คาดการณ์ไม่ได้ จึงยังไม่รู้ว่า นโยบาย และมาตรการต่างๆ จะเป็นอย่างไร และรุนแรงแค่ไหน ซึ่งขณะนี้ ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ แต่การที่ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐฯมาก ก็ทำให้ไทยอยู่ในเรดาร์ที่สหรัฐฯต้องจับตา ซึ่งเราประมาทไม่ได้ สิ่งที่ไทยต้องทำ คือ การเตรียมความพร้อมรับมือกับนโยบายของทรัมป์ โดยรัฐบาลต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชน ที่มีข้อมูลลึก เพื่อเจรจากับสหรัฐฯในการรักษาประโยชน์ทางเศรษฐกิจของไทย
ด้านนายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า นโยบายทรัมป์ 2.0 กระทบการค้าแน่นอน ไทยคงเลี่ยงไม่ได้ ส่วนจีนก็น่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะเป็นเป้าหมายหลักของทรัมป์ และจีนก็เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ดังนั้น จึงคาดว่า ทรัมป์ 2.0 จะมีทั้งผลบวกและลบในระยะต่อไป โดยบางอุตสาหกรรมส่งออกไทยอาจได้ประโยชน์ และบางอุตสาหกรรมอาจเสียประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด รู้วิธีการบริหารธุรกิจ โดยส่วนตัวไม่ค่อยห่วง และเชื่อว่า จะเป็นผลบวกต่อไทย
ขณะที่นายวรทัศ ตันติมงคล กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัมป์ 2.0 จะมีทั้งผลดีและผลเสียต่อไป โดยผลดีอย่างแรกที่เห็นคือ การที่จีนย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อเลี่ยงสงครามการค้า และหนึ่งในเป้าหมายการลงทุนคือ ไทย ส่วนผลลบ คือ กำลังซื้ออาจหายไปในบางประเทศที่ถูกกีดกันการค้า เช่น เวียดนาม ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า ผลดีและผลเสียจะทดแทนกันได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ยังคาดเดาได้ยากว่า นโยบายทรัมป์ 2.0 จะเป็นอย่างไร และรุนแรงแค่ไหน แต่ที่ชัดเจนคือ นโยบายของทรัมป์ต้องการทำให้สหรัฐฯกลับมาโดดเด่นและยิ่งใหญ่อีกครั้ง ตามนโยบาย America Great Again นอกจากนี้ ยังต้องการลดการขาดดุลการค้ากับประเทศต่างๆ และถอนตัวออกจากความตกลงต่างๆ ที่คิดว่าไม่เกิดประโยชน์กับสหรัฐฯ และเป็นสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้กับชาวอเมริกัน เช่น ผลักดันผู้อพยพออกจากประเทศ เพราะเข้ามาแย่งงานคนอเมริกัน ส่วนการที่ทรัมป์เชิญจีนเข้าร่วมพิธีสาบานตนด้วย และยอมให้ TikTok ทำธุรกิจในสหรัฐฯได้ต่อไป โดยอาจจะให้นักลงทุนอเมริกันถือหุ้นด้วยนั้น ก็ถือว่าเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม