“ทรัมป์” มาแล้ว!!!

หากไม่มีอะไรผิดพลาด พิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อคืนวันที่ 20 ม.ค. ตามเวลาไทย น่าจะจบสิ้นแล้ว ซึ่งมีข่าวว่าในวันแรกของการทำงานนายทรัมป์ ได้เตรียมเซ็นลงนามในคำสั่งไว้ทั้งสิ้น 100 คำสั่ง ซึ่งแต่ละคำสั่งจะมีผลกระทบต่อโลกอย่างแน่นอน

สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น ความกังวลต่อนโยบายของทรัมป์ มีทั้งทางตรงและทางอ้อมและนอกเหนือจากสงครามการค้า สงครามการแย่งชิง แบ่งแยกเทคโนโลยี สงครามในโลกความจริง และการปรับเปลี่ยนย้ายฐานการลงทุนแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ประเทศไทยต้องปรับตัว คือ ผลกระทบของตลาดเงิน และตลาดทุนโลก

ในประเด็น “การค้า” : มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าที่สหรัฐฯกำลังจะประกาศกับจีน และประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่ง 1 ในนั้นคือ ประเทศไทยที่เป็นประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯในอันดับที่ 12 ของโลก ทำให้สินค้าจากประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกขึ้นภาษีนำเข้าโดยตรง นอกเหนือจากผลกระทบที่มาจากการเป็นห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีน ซึ่งเราได้รับผลกระทบทางอ้อมอยู่แล้ว ซึ่งนอกเหนือจากการส่งออกไทยที่จะลดลงจากราคาที่สูงขึ้น และการแข่งขันจากประเทศคู่แข่งที่รุนแรงขึ้น ผลกระทบอีกด้านคือ การนำเข้าสินค้าจีนราคาถูกในปีนี้จะเข้ามาเพิ่มขึ้น และเข้ามาแย่งตลาดในประเทศทำให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่จะเจ็บหนัก

ในประเด็น การลงทุน : “ดนุชา พิชยนันท์” เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ความเห็นถึงการย้ายฐานการลงทุนเข้ามาประเทศไทยของต่างชาติในปีที่ผ่านมา ซึ่งประเทศที่เข้ามาลงทุนโดยตรงมากที่สุด คือ สิงคโปร์ ซึ่งก็คือการลงทุนจากบริษัทจีน ที่แปลงร่างมานั่นเอง

“การเข้ามาของบริษัทจีนเป็นเรื่องที่ดี แต่อีกด้านหนึ่งจะทำให้สหรัฐฯมองไทยเป็นฐานการผลิตของจีนมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ดีกับสถานการณ์ของสินค้าไทย ดังนั้น จะทำอย่างไรให้บริษัทจีนเหล่านี้ มาเป็นบริษัทไทยโดยการร่วมทุนกับคนไทย โดยให้คนไทยถือหุ้นมากกว่า เพื่อเลี่ยงผลกระทบดังกล่าว” ข้อคิดหนึ่งของเลขาสภาพัฒน์

ขณะที่ประเด็นเรื่อง “ตลาดการเงิน และดอกเบี้ย” : นโยบายของทรัมป์ส่วนใหญ่จะเป็นนโยบายในลักษณะกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แต่จะทำให้ราคาสินค้า และต้นทุนการผลิตทั่วโลกสูงขึ้น เมื่อรวมกับการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน และรัฐบาลอีกหลายประเทศทั่วโลก ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่า ทิศทางค่าเงินในปีนี้จะผันผวนมากกว่าที่คิด ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศชะลอการลดดอกเบี้ยในปีนี้ลง ซึ่งในส่วนของไทย “ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ยอมรับว่า “ดอกเบี้ยนโยบายอาจจะลดยากกว่าที่คาดในปีนี้”

ส่วนไทยจะฝ่าฟันพายุเศรษฐกิจที่ถาโถมนี้ไปอย่างไร “ชาติศิริ โสภณพนิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ผู้ประกอบการไทยจึงไม่สามารถอยู่นิ่งได้ จะต้องตื่นตัว และเร่งปรับตัวปรับโครงสร้างการผลิตสามารถรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้น

ดังนั้น ขอให้เตรียมตัวรับมือกันให้ดี โดยเฉพาะครึ่งปีหลังที่ผลกระทบเหล่านี้จะเกิดขึ้นพร้อมกัน.

มิสเตอร์พี

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม