
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช. คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ม.ค. 68 ผู้สูงอายุที่มีตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และได้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐแล้วราว 3.5-4 ล้านคน สามารถตรวจสอบผ่านแอปทางรัฐ ด้วยการกรอกบัญชีผู้ใช้หรือเลขประจำตัวประชาชน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อ “เข้าสู่ระบบ” และกด “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อเข้าสู่หน้าแสดงผลผู้มีสิทธิโครงการ
ทั้งนี้หากผู้สูงอายุ ยังไม่ได้ทำบัญชีธนาคารเป็นบัญชีพร้อมเพย์ผ่านเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น จึงขอให้ไปเร่งดำเนินการตรวจสอบบัญชีธนาคารว่าผูกพร้อมเพย์หมายเลขประจำตัวประชาชนถูกต้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ก่อนที่รัฐจะโอนเงิน 10,000 บาท วันแรกในวัน 27 ม.ค.นี้ ให้กลุ่มผู้สูงอายุ หากการโอนไม่สำเร็จครั้งแรก จะมีการโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 28 ก.พ. และ 28 มี.ค. และ 28 เม.ย. หากยังโอนไม่สำเร็จอีก จะถือว่าสละสิทธิ์
นายเผ่าภูมิ กล่าวย้ำว่า ผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาทนั้น จะต้องเป็นผู้ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 67 ซึ่งเกิดก่อนหรือในวันที่ 16 ก.ย. 2507, ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566, ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567, ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พ.ย. 2567, ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พ.ย. 2567 และไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ