จับกระแส "ดอกเบี้ย บาท น้ำมัน ทองคำ หุ้น" ปีงูเล็ก

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จับกระแส "ดอกเบี้ย บาท น้ำมัน ทองคำ หุ้น" ปีงูเล็ก

Date Time: 31 ธ.ค. 2567 05:00 น.

Summary

ควบคู่กับการพยากรณ์ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2568 อีก 5 เสาหลัก ดอกเบี้ย ค่าเงิน น้ำมัน ทองคำ และตลาดหุ้น ที่จะสะท้อนภาพการใช้จ่ายและการลงทุนในปีมะเส็ง งูเล็กของไทยที่ “ทีมเศรฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เตรียมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญในภาคต่างๆ เสิร์ฟให้ผู้อ่านตั้งแต่สิ้นปี

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

ควบคู่กับการพยากรณ์ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2568 อีก 5 เสาหลัก ดอกเบี้ย ค่าเงิน น้ำมัน ทองคำ และตลาดหุ้น ที่จะสะท้อนภาพการใช้จ่ายและการลงทุนในปีมะเส็ง งูเล็กของไทยที่ “ทีมเศรฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เตรียมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญในภาคต่างๆ เสิร์ฟให้ผู้อ่านตั้งแต่สิ้นปี

ข่าวดีแนวโน้ม “ราคาน้ำมันอ่อนตัว”

เริ่มต้นจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปี 2568 “วีระพล จิรประดิษฐกุล” อดีตกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปี 2568 จะอ่อนตัวลงจากปี 2567 มาอยู่ในระดับ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากมีอุปทานสูงกว่าอุปสงค์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 แต่ยังมีความผันผวนและไม่แน่นอนสูง จากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง และสงครามรัสเซีย-ยูเครน

องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดว่าความต้องการน้ำมันของโลกในปี 2567 จะอยู่ในระดับ 102.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.920 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปี 2568 จะอยู่ในระดับ 103.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่อุปทานน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

“ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจส่งผลกดดันราคาน้ำมันต่อเนื่องในปี 2568-2569 เพราะนโยบายพลังงานทรัมป์ สนับสนุนการสำรวจ ขุดเจาะและผลิตน้ำมันของประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายกฎ ระเบียบ การสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากอุปทานในตลาดสูงขึ้น”

หน่วยงานด้านพลังงานต่างๆ คาดว่าราคาน้ำมันในปี 2568 จะอ่อนตัวลงจากปีที่แล้ว อยู่ที่ 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อ่อนตัวลงในครึ่งหลังของปีจากหลากหลายปัจจัย โดยปี 2568 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ในระดับ 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี 2568

ค่าเงินแตะ 35 บาท-ดอกเบี้ยลด

ตามด้วยทิศทางค่าเงินบาท-ดอกเบี้ยของปีงูเล็ก “พชรพจน์ นันทรามาศ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ค่าเงินและดอกเบี้ยของไทยจะขึ้นอยู่กับทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลัก โดยในปีหน้ามีปัจจัยใหม่ที่ต้องติดตามคือ แนวทางการดำเนินนโยบายต่างๆของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ตลอดจนปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ ประเมินว่าสหรัฐฯจะเริ่มทยอยใช้มาตรการภาษีกับจีน และประเทศอื่นๆในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อาจไม่ได้ขึ้นภาษีนำเข้าได้เต็มที่ตามที่ได้หาเสียงไว้ ขณะที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มทยอยเดินหน้าลดดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ คือ ลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ในครึ่งแรกของปี 2568 ประมาณเดือนมี.ค.และมิ.ย. และท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่อาจชะลอตัวลงช้าหรือกลับมาเร่งตัวขึ้น อาจทำให้เฟดหยุดลดดอกเบี้ยลงเร็วขึ้น

ตามเงื่อนไขข้างต้นจะส่งผลให้เกิดภาวะ Risk-off ในช่วงกลางปี 2568 ส่งผลให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงในระยะสั้น หลังจากนั้นคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงตามเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แผ่วลง ทำให้คาดว่าค่าเงินบาทจบสิ้นปี 2568 ที่ 34.50–35.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนประเด็นอัตราดอกเบี้ยนั้น ประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปี 2568 จากภาพรวมของสินเชื่อรวมที่หดตัว

ทองคำขึ้นต่อแต่ผันผวนสูง

ธนรัชต์ พสวงศ์ ซีอีโอ กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ผู้ค้าทองรายใหญ่ของไทย ประเมินทิศทางราคาทองคำปี 68 ว่า ยังมีแนวโน้มผันผวน เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ การใช้นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ นอกจากนี้ หนี้สาธารณะสหรัฐฯที่สูงขึ้นต่อเนื่อง เร่งให้ธนาคารกลางทั่วโลกลดพึ่งพาเงินดอลลาร์มากขึ้น ซึ่งกระแสนี้ยังขยายตัวเป็นวงกว้าง อย่างในกลุ่ม BRICS ที่เริ่มส่งเสริมการค้าด้วยเงินสกุลท้องถิ่น และมีการสร้าง “BRICS Reserve Currency” หรือสกุลเงินกลางใหม่ เพื่อทดแทนเงินสกุลดอลลาร์

“ต้นปี ตลาดจะให้ความสนใจนโยบาย “America First” ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ช่วยดึงดูดการลงทุน เช่น ลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 15% แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงเงินเฟ้อและหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้น ส่วนการเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 60% และภาษีขั้นต่ำสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ 10% รวมถึงการกีดกันผู้อพยพ อาจกระทบต้นทุนผลิตและเร่งเงินเฟ้อสูงขึ้น สวนทางเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2% ในปี 69”

ประเมินราคาทองปี 68 ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แต่อาจไม่ร้อนแรงเท่าปีนี้ โดยอาจเผชิญแรงขายช่วงต้นปี จากความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินของเฟด กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮงให้กรอบราคาทองคำโลกปีหน้าไว้ที่ 2,500-3,000 ดอลลาร์ ราคาทองแท่งในประเทศอาจได้อานิสงส์เชิงบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า หากเฟดไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยตามแผนปีหน้าได้ และราคาทองในประเทศลงมาซื้อขายบริเวณ 42,000 บาท

ลงทุนหุ้นปีงูเล็ก “ไม่หมู”

มาถึงฝั่งตลาดหุ้น “ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ซีอีโอ บล.ทิสโก้ มองปี 68 ว่า เป็นปีที่ลงทุนไม่ง่าย เนื่องจากวัฏจักรขาลงของดอกเบี้ยสหรัฐฯใกล้จบรอบเร็วกว่าคาด ผลพวงนโยบายเศรษฐกิจ “ทรัมป์” ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อในระยะยาว ดอกเบี้ยเฟดน่าจะลงได้อีกแค่ 0.25% ปี 68 จะสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางอื่นๆไม่กล้าลดดอกเบี้ยลงมากนัก และคุณสมบัติที่ “คาดเดาได้ยาก” ของทรัมป์ คือ ความเสี่ยงที่ตลาดทุนทั่วโลกต้องเผชิญ แปลว่านักลงทุนทั่วโลกจะลงทุนแบบระมัดระวังมากขึ้น โดยหุ้นสหรัฐฯยังเป็นขาขึ้น จากการลดภาษีนิติบุคคลและลดกฎระเบียบในหลายอุตสาหกรรม

ส่วนหุ้นไทย แม้รัฐมาถูกทางที่เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีการลงทุน ในกองทุน Thai ESG แต่ตราบใดที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่าวัฏจักรกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะกลับสู่ขาขึ้น ความสนใจหุ้นไทยจะมีไม่มาก และการขาดตัวเลือกที่น่าสนใจ เช่น หุ้นกลุ่มธุรกิจอนาคต รวมทั้งความกังวลเรื่องความโปร่งใสของ บจ. คืออีกอุปสรรคใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข ข้อดีคือหุ้นไทยราคาไม่แพง เทรดที่ Forward P/E 14 เท่า อีกทั้งยัง underperform ตลาดหุ้นโลกเกือบ 50% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีโอกาสสูงที่จะ rebound และดึงดูดเงินต่างชาติกลับมา โดยเฉพาะถ้ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจให้โตได้เกิน 3% และเอาจริงกับการลงโทษ บจ.ที่ทำผิดกฎหมาย เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นทำให้หุ้นไทยกลับมาน่าสนใจได้ ถ้ากำไร บจ.โตได้ 10-12% ในปี 68 ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ จะยิ่งหนุนให้หุ้นไทยปรับขึ้น

“หุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ แต่ควรกระจายลงทุนในหลายตลาดหุ้น หุ้น Value Stocks ในสหรัฐฯยังน่าสนใจ หุ้นอินเดียก็มีโอกาส Outperform หลังปรับฐานลงปีนี้ ส่วนหุ้นไทยแนะลงทุนหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภค การแพทย์ การขนส่งและการท่องเที่ยว”

ทีมเศรษฐกิจ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ