“รถยนต์ไฟฟ้า” ไทยโตแรง! ยอดจดทะเบียนต่อปีพุ่ง 1.9 แสนคัน ค่ายจีนครองส่วนแบ่ง BEV ยอดนิยมหลายรุ่น

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“รถยนต์ไฟฟ้า” ไทยโตแรง! ยอดจดทะเบียนต่อปีพุ่ง 1.9 แสนคัน ค่ายจีนครองส่วนแบ่ง BEV ยอดนิยมหลายรุ่น

Date Time: 11 ก.ค. 2567 10:32 น.

Video

ต้นทุนพุ่ง! นำเข้าสินค้าออนไลน์ เตรียมรับมือ ภาษีนำเข้า 1 บาท (ม.ค. 69)  | Thairath Money Night Stand EP.25

Summary

เจาะตลาด “รถยนต์ไฟฟ้า” ไทยเติบโตแรง! คาด ยอดจดทะเบียนต่อปีพุ่ง 1.9 แสนคัน ค่ายจีนครองส่วนแบ่ง กลุ่ม BEV ยอดนิยมหลายรุ่น ขณะวิจัยกรุงศรี วิเคราะห์ จับตาแนวโน้ม อุตสาหกรรมแข่งดุในอนาคต เสี่ยงขาดแคลนชิป เพื่อการผลิตเป็นระยะๆ และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อาจยังไม่เพียงพอ

Latest


ต้องยอมรับว่า ภายใต้มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยพลิกโฉมเปลี่ยนแปลง และเพิ่มความนิยมสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด 

ข้อมูลยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง BEV (รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่)ในช่วงปี 2565-2566 มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 85,299 คัน เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 524.2% ขณะการเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง หลังรัฐบาลออกมาตรการเฟส 2 “EV 3.5” (2567-2570) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยิ่งทำให้อุตสาหกรรมนี้คึกคัก 

ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า แห่ลงทุนผลิต EV ในไทย 

เจาะข้อมูล สถาบันยานยนต์ รายงาน ว่า ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2567 มีผู้ผลิตรถยนต์ EV ที่ได้สร้างโรงงานเสร็จแล้ว หรือกำลังอยู่ระหว่างการขึ้นไลน์ผลิต ประกอบด้วย 

  • ผู้ผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าประมาณ 14 ราย
  • ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ไฟฟ้า 2 ราย 
  • ผู้ผลิตรถโดยสารและรถบรรทุกไฟฟ้า 5 ราย 

ส่งผลให้มีกำลังการผลิต BEV โดยรวมอย่างน้อยประมาณ 600,000 คันต่อปี ที่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มผลิตภายในปี 2567-2568 ซึ่งกำลังการผลิตดังกล่าว อยู่ในระดับที่สูงกว่ายอดผลิตขั้นต่ำที่ต้องผลิตชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศในช่วงปี 2565-2566 ตามเงื่อนไขการสนับสนุนการลงทุนของ BOI และมากกว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง XEV ในปี 2566 ที่ 1.7 แสนคัน ประมาณ 3 เท่า 

จึงคาดว่าจะมีกำลังการผลิตส่วนเกินรองรับการส่งออกได้มากขึ้นในอนาคต แม้ในช่วงปี 2567-2569 ผู้ผลิตจะยังเน้นที่ตลาดในประเทศเป็นหลักก็ตาม

คาดยอดจดทะเบียนรถใหม่ พุ่ง 1.9 แสนคัน/ปี 

ขณะ วิจัยกรุงศรี ออกบทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ปี 2567-2569 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง การให้เงินอุดหนุนกระตุ้นกำลังซื้อ ทำให้ตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้ายังขยายตัวในอัตราสูง โดยคาดว่าจะมียอดจดทะเบียนใหม่ของรถยนต์นั่งไฟฟ้า รวมเฉลี่ยปีละ 190,000 คัน เป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง BEV เฉลี่ยปีละ 96,000 คัน (เร่งขึ้นจาก 80,000-90,000 คันในปี 2567) 

ประเด็นที่น่าสนใจ ยังพบว่าตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา โครงสร้างการผลิตและลงทุนรถยนต์นั่งในประเทศไทย เริ่มเปลี่ยนแปลง มีแบรนด์รถยนต์นั่งไฟฟ้า BEV สัญชาติจีน 4 รายที่ขยับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มแบรนด์รถยนต์ 10 อันดับแรก ที่มีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งมากที่สุด 

ได้แก่ BYD, MG, NETA, GWM ที่อันดับ 3, 4, 7 และ 8 ตามลำดับ และมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันประมาณ 21.9% (เทียบกับปี 2564 ที่มีค่ายรถยนต์จีนเพียง 2 ราย ได้แก่ MG และ GWM ที่อยู่ในกลุ่ม Top 10 ในอันดับ 4 และ 10 ตามลำดับ)

ทำให้ในปี 2566 ค่ายรถยนต์จีนครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้า BEV สูงสุดที่ 82.4% รองมาเป็นค่ายรถยนต์จากสหรัฐฯ ส่วนแบ่ง 11.1% 

เจาะ “รถยนต์ไฟฟ้า” ยอดนิยมของคนไทย 

โดยรถยนต์นั่งไฟฟ้า BEV ที่มีความนิยมมาก ส่วนใหญ่ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาไม่แพง และสามารถวิ่งได้ไกล ตัวอย่างรุ่นที่ได้รับความนิยม เช่น BYD ATTO 3, MG 4 Electric, NETA V และ ORA Good Cat ที่มีราคาขายปลีกประมาณ 1.1, 0.9, 0.6 และ 1.0 ล้านบาท ตามลำดับ และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 420, 425, 320 และ 450 กิโลเมตรต่อ 1 รอบของการอัดประจุ ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในระยะหน้า อาจเผชิญปัญหาแรงกดดัน ด้านการแข่งขันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ความเสี่ยงจากปัญหาการขาดแคลนชิปที่ใช้ในการผลิตอยู่เป็นระยะ และการเพิ่มขึ้นของสถานีชาร์จและเครื่องอัดประจุที่อาจยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ เป็นต้น 

ทั้งนี้ ณ เดือน ธ.ค. 2566 ไทยมีสถานีอัดประจุสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจำนวน 2,658 สถานี (+114.5%) และเครื่องอัดประจุ 9,694 เครื่อง (+159.3%) ทั่วประเทศ 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ