"เปราะบาง" ได้เงินดิจิทัลก่อน

ใครที่รอใช้ "เงินดิจิทัล" 10,000 บาท เตรียมเฮกันได้! เพราะการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 ได้เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ วงเงิน 122,000 ล้านบาท เพื่อเป็นงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ

โดยมีแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในประมาณการเพิ่มเติม 10,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 112,000 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้จะใช้ดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต

แต่ทุกคนอย่าเพิ่งเฮ!! เพราะเงินที่จะใช้ดำเนินโครงการนี้ทั้งหมดราว 500,000 ล้านบาทนั้น รัฐเพิ่งได้มาจากแหล่งเดียว คือ งบกลางปี 122,000 ล้านบาทจากการบริหารงบปี 67 รวม 175,000 ล้านบาท ส่วนอีก 2 แหล่งคือ การดำเนินการผ่านหน่วยงานภาครัฐ 172,300 ล้านบาท และ 3.งบประมาณ ปี 68 อีก 152,700 ล้านบาท ยังไม่ได้มา

แต่เงินจำนวน 122,000 ล้านบาท ยังไม่เพียงพอจะแจกให้ผู้ได้รับสิทธิ์ทุกคน รัฐบาลจึงจะแจกให้ “กลุ่มเปราะบาง” ก่อน โดยอาจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการภายในปีงบ 67 เพื่อให้เบิกจ่ายได้ทันวันที่ 30 ก.ย.67 ตามข้อจำกัดการใช้งบก้อนนี้ ที่ต้องเบิกจ่ายภายในสิ้นปีงบ 67

สำหรับ “กลุ่มเปราะบาง” ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัลก่อน หนีไม่พ้น “ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” 14.98 ล้านคน ส่วนผู้มีสิทธิ์กลุ่มอื่นๆรอไปยาวๆ

อย่างไรก็ตาม จากความล่าช้าของโครงการเงินดิจิทัล และสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น

ในโลก จนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวล่าช้า และส่งผลต่อเนื่องให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวล่าช้า และโตไม่เต็มศักยภาพนั้น รัฐบาลจึงต้องหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ที่เงินดิจิทัลยังไม่มา

ล่าสุด ครม.วันที่ 3 มิ.ย.เช่นกัน ได้ไฟเขียวมาตรการทางภาษี กระตุ้นการท่องเที่ยว “จังหวัดท่องเที่ยวรอง” ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

ซึ่งนอกจากจะกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วขึ้น หลังจากวิกฤติมาตั้งแต่โควิด-19 แล้ว ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ และประชาชน นำค่าใช้จ่ายจากการจัดอบรม สัมมนา และการท่องเที่ยวเมืองรอง และช่วงโลว์ซีซัน มาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล และบุคคลธรรมดาได้ด้วย

ขณะเดียวกัน ครม.วันเดียวกัน “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ยังได้ให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน ร่วมกันออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงาน รวมถึง หามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยด่วน หลังเห็นสัญญาณการปิดกิจการและการเลิกจ้างงาน โดยให้รายงาน ครม.วันอังคารหน้า

ปัญหาเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลบอกจะเร่งแก้ไข แต่จนถึงวันนี้ ผ่านไปเกือบปี ยังไม่รู้สึกว่า มีอะไรดีขึ้นเลยจริงๆ!!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม